3 คาถา ฝ่าวิกฤติของคิวเฮ้าส์

สุวรรณา พุทธประสาท กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บมจ.คลอลิตี้ เฮ้าส์ หรือ คิว เฮ้าส์ (QH)เปิดสูตรฝ่าวิกฤติของคิวเฮ้าส์ เผย 3 คาถาต้องท่องจำยุคเศรษฐกิจฝืดล่วงเข้าสู่เดือนที่ห้าของปี 2552 ภาพรวมที่เหลือของตลาดอสังหาริมทรัพย์นั้น ยังมองได้ไม่ชัด หรือคาดการณ์ได้ว่า จะเป็นเช่นใด สิ่งที่ผู้บริหารระดับสูงของแต่ละบริษัททำได้ในขณะนี้ก็คือ เฝ้าดูข้อมูลที่ได้ในแต่ละสัปดาห์อย่างใกล้ชิด ทั้งยอดลูกค้าเยี่ยมชมไซต์ต่อวันหรือต่อสัปดาห์และได้มีการปรับแผนย่อยให้สอดคล้องกับตลาดที่เปลี่ยน และให้ได้รับทราบถึงปัญหาอย่างรวดเร็วและปรับตัวให้ทัน !!

“ขณะนี้จะต้องมีการทบทวนทุก 3 เดือน และรักษาสภาพคล่องเงินสดให้มากที่สุด สำหรับสำรองไว้รับมือกับสถานการณ์ในข้างหน้าเพื่อทำให้บริษัทสามารถอยู่ในธุรกิจให้ได้นานที่สุด ” นั่นเป็นคำยืนยันของ สุวรรณา พุทธประสาท กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บมจ.คลอลิตี้ เฮ้าส์ หรือ คิว เฮ้าส์ (QH )ถึงแนวคิดในการทำธุรกิจภายใต้วิกฤติเศรษฐกิจโลก วิกฤติการเมืองภายในประเทศ รวมถึงการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ที่หากขยายวงกว้าง ก็อาจกระทบต่อภาคธุรกิจท่องเที่ยว ในที่สุดก็ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และธุรกิจ ของประเทศ นอกจากเงินทุนหมุนเวียนที่ได้จากการโอนหรือการขายบ้านและคอนโดแล้ว ล่าสุด ควอลิตี้ เฮ้าส์ ยังได้ระดมเงินทุนด้วยการออกหุ้นกู้ อายุ 3 ปี มูลค่า 1,300 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5.30% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน วงเงินจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท โดยจะนำเงินที่ได้จากการขายหุ้นกู้ในครั้งนี้*ชำระคืนเงินกู้ที่ต้นทุนสูงกว่า และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการของบริษัท

โดยเป้าหมายการดำเนินธุรกิจ ปัจจุบันบริษัทและบริษัทย่อยมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจหลัก 3 ธุรกิจ คือ ธุรกิจขายบ้านพร้อมที่ดินและขายหน่วยในอาคารที่พักอาศัยธุรกิจอาคารที่พักอาศัยให้เช่า (ธุรกิจเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์) และธุรกิจอาคารสำนักงานให้เช่า ซึ่งนโยบายการดำเนินธุรกิจหลักในช่วงระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า (ปี 2552 – ปี 2554) บริษัทและบริษัทย่อยจะมุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจขายบ้านพร้อมที่ดินและขายหน่วยในอาคารชุดพักอาศัย เนื่องจากเป็นธุรกิจที่ทำกำไรได้สูงและสามารถหมุนกลับมาเป็นเงินสดหรือชำระคืนเงินทุนได้เร็ว ส่งผลให้สามารถเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินและลดภาระหนี้ได้เร็ว รวมทั้งบริษัทมีนโยบายให้บริษัทย่อยลงทุนในธุรกิจขายบ้านพร้อมที่ดินในระดับราคา4-6 ล้านบาท

นอกจากนี้บริษัทอาจจะนำอาคารสำนักงานให้เช่าและอาคารที่พักอาศัยให้เช่าที่บริษัทเป็นเจ้าของกรรมสิทธ์ขายหรือให้เช่าระยะยาวแก่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เพื่อเป็นการระดมเงินทุนมาลงทุนขยายธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าในอนาคตและชำระคืนเงินกู้ยืมธนาคารหรือสถาบันการเงินแตกแบรนด์ “Q” เจาะซุปเปอร์ไฮเอนด์

อย่างไรก็ดี แม้ผู้บริหารของควอลิตี้เฮ้าส์ยังไม่กล้าฟันธงลง*ชัดๆว่าปี 2552 อสังหาริมทรัพย์จะเป็นเช่นใด แต่ หากพิจารณาถึงยอดขายบ้านในไตรมาส 1/2552 นั้น ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ตอนต้นปีโดยยอดขาย*จะทำได้ถึง 2,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุเนื่องมาจากช่วงเดือน มี.ค.ลูกค้าได้กลับเข้ามาเยี่ยมชมโครงการ และกล้าตัดสินใจซื้อบ้านมากขึ้นเพียงเดือนมี.ค. ได้กว่า 1,000 ล้านบาท เกือบเข้าสู่ภาวะปกติ ดันยอดขายในช่วงไตรมาสแรกโดยสัดส่วนยอดขายอยู่ที่ 60% ส่วนที่เหลือ 40% เป็นยอดขายของแบรนด์ คาซ่าจากสัดส่วนการขายดังกล่าว สะท้อนภาพว่าตลาดบ้านหรูยังคงทำได้ดีกว่าบ้านระดับกลาง เนื่องจากกำลังซื้อลูกค้ากลุ่มนี้ยังดีอยู่ และการเปิดโครงการในทำเลที่เหมาะสม แต่ในช่วงเดือน เม.ย. ยอดขายอาจไม่ดีนักเนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดยาว และมีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ทำให้ยอดขายใน ไตรมาส 2/2552  มีโอกาสชะลอตัวลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนบ้างแต่ก็ไม่มาก สําหรับแนวโน้มการขายในอนาคต ผู้บริหารของควอลิตี้เฮ้าส์ มองว่าเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในช่วงสงกรานต์ ไม่กระทบต่อยอดขายบ้าน ระดับบนเท่าใดนัก โดยมีแผนที่จะออกแบรนด์ “Q” ขึ้นมาเพื่อจับกลุ่มลูกค้าระดับซุปเปอร์ไฮเอนด์ ทั้งบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียม โดยโครงการบ้านเดี่ยวจะมีโครงการละไม่เกิน 20 ยูนิต ราคาตั้งแต่ 50 ล้านบาทขึ้น* โครงการแรก ได้ซื้อที่ดินเข้ามาแล้วบนถนนสาทร-กาญจนาภิเษก เนื้อที่ 30 ไร่ พัฒนาบ้านเดี่ยวขนาด 300 ตร.ว.ขึ้น* จำนวน 12 ยูนิต มูลค่าโครงการ 700-800 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างวางแผนออกแบบ คาดว่าจะเปิดขายได้ในกลางปีหน้า

ส่วนตลาดบ้านระดับกลางอย่าง แบรนด์ คาซ่า ต้องรอดูเหตุการณ์ในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งถ้าเศรษฐกิจมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น การเมืองไม่มีเหตุการณ์รุนแรง ผู้ซื้อมีความเชื่อมั่นมากขึ้นก็อาจทําให้ยอดขายมีโอกาสฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง “ถ้าดูผลตอบรับที่ได้ช่วงไตรมาสแรก สถานการณ์โดยรวมปีนี้ไม่เลวร้ายอย่างที่คาดไว้ แต่การทำธุรกิจจะประมาทไม่ได้ ” สุวรรณา กล่าวให้ความเห็น พร้อมกับย้ำว่า ในปี 2552 ยังคงยึดเป้ารายได้ไว้ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท อัดแคมเปญโล๊ะ Stock บ้าน ส่วนระดับสินค้าคงค้าง (Stock) บ้านยังใกล้เคียงช่วงต้นปีและยังคงเป็นการระบายสินค้าคงค้าง โดยปัจจุบัน มีประมาณ 320 หลังและคิดเป็น ระยะเวลาในการขายประมาณ 2 เดือนกว่า ๆ ซึ่งกลยุทธ์ในปีนี้ควอลิตี้เฮ้าส์ จะเป็นการระบายสินค้าให้เหลือเพียงประมาณ 120 หลังหรือระยะเวลาขายเพียง 1 เดือน กลยุทธ์ดังกล่าวจะดำเนินการผ่านแคมเปญการขายที่มีความยืดหยุ่นด้านราคา รวมถึงโปรโมชั่นต่างๆ ซึ่งคงต้องพิจารณาเป้นรายโครงการ โดยคาดจะมีผลกระทบต่ออัตราการทํากําไรขั้นต้นที่ลดลง แต่ก็จะพยายามรักษาการทํากําไรขั้นต้นจากการขายที่ประมาณ 30-31% โดยมีโครงการใหม่ทั้งบ้านและคอนโดมิเนียมปีนี้ 11 โครงการมูลค่ากว่า 1.65 หมื่นล้านบาท เป็นโครงการแนวราบ 9 โครงการมูลค่า กว่า 1.07 หมื่นล้านบาทและโครงการคอนโดมิเนียม 2 โครงการมูลค่า 5,810 ล้านบาท คือ โครงการ Q หลังสวน มูลค่า 3,510 ล้านบาทและ Q-House Condo Sathorn มูลค่า 2,300 ล้านบาท ซึ่งโครงการคอนโดมิเนียมทั้ง 2 โครงการยังคงต้องการเงินลงทุนอีก 1,800 ล้านบาทในปีนี้และคาดจะรับรู้รายได้ส่วนใหญ่ในปี 2553

ขอบคุณข้อมูลจาก : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

วันที่ : 6 พฤษภาคม 2552

ความคิดเห็น