เอพีปรับองค์กรรับวิกฤติศก. วิเคราะห์เกาะติดข้อมูลรายสัปดาห์/พัฒนาศักยภาพบุคลากร

เอเชี่ยน เผยวิกฤติการเมืองไม่กระเทือน ยังเดินแผนลงทุนตามปกติ เหตุคนยังเยี่ยมไซซ์ ตัวเลขยอดจองยังดีอยู่ เตรียมพร้อมแผนรับมือวิกฤติเศรษฐกิจ วิเคราะห์เกาะติดตลาดเป็นรายสัปดาห์ หาข้อมูลหน้าไซต์งาน ทุ่มงบประมาณเพิ่มศักยภาพบุคลากร หวังขึ้นเป็นผู้นำในใจลูกค้าย้ำยังเดินหน้าซื้อที่ดินและรักษาหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 1:1 เชื่อรายใหญ่ยังแฮปปี้ตลาด

นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ “เอพี” เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า  แม้ประเทศไทยประสบปัญหาความรุนแรงทางการเมืองในช่วงกลางเดือนเมษายน 2552 ที่ผ่านมา บริษัทยังคงแผนลงทุนไว้ตามปกติเนื่องจากดูตัวเลขของยอดขายและผู้เข้าเยี่ยมชมไซต์แล้วไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมือง คือ หลัง 7 วันจากที่เกิดปัญหาความรุนแรง จำนวนลูกค้าเยี่ยมชมไซต์ประมาณ 400 ราย ไม่ได้ลดลงเลย แสดงว่าเหตุการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติภายในเวลาอันรวดเร็ว

เช่นเดียวกับปีก่อนลูกค้าเยี่ยมชมไซต์ต่อสัปดาห์อยู่ที่ 400-500 ราย และต่อปีอยู่ที่ 6,200 ราย ขณะที่ยอดพรีเซลล์ของสัปดาห์หลังเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงอยู่ที่ 163 ล้านบาท และมียอดโอนของสัปดาห์ก่อนอยู่ที่ 129 ล้านบาท โดย ณ ขณะนี้มียอดพรีเซลล์รวมอยู่ที่ 2,080 ล้านบาท ส่วนยอดโอนอยู่ที่ 2,900 ล้านบาท นอกจากนั้นยังมียอดพรีเซลล์เข้ามาใหม่อีกในส่วนของคอนโดมิเนียม 3,500 ล้านบาท และบ้านเดี่ยวกับทาวน์เฮาส์อีก 1,700 ล้านบาท ปัจจุบันนี้บริษัทยังมีการซื้อที่ดินเข้ามาอยู่เรื่อยๆ แต่จะรักษาหนี้สินต่อทุนไม่ให้เกิน 1:1 ซึ่งเมื่อพิจารณาจากยอดขายที่ยังดีอยู่ ดังนั้นวันนี้จึงไม่คิดว่าผู้ประกอบการรายใหญ่จะต้องปรับแผนธุรกิจเพื่อเอาตัวรอดแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม บริษัทได้มีการวิเคราะห์ตลาดเป็นรายสัปดาห์ และได้มีการปรับแผนย่อยให้สอดคล้องกับตลาดที่เปลี่ยน และสิ่งที่ผู้ประกอบการจะต้องทำคือผู้บริหารระดับสูงจะต้องทราบข้อมูลที่พนักงานส่วนล่างมีอย่างใกล้ชิด เช่น การเข้าเยี่ยมไซต์ของลูกค้าซึ่งต้องเห็นเป็นรายวัน เพื่อที่จะได้รับถึงปัญหาอย่างรวดเร็วและปรับตัวให้ทัน โดยนายอนุพงษ์ กล่าวว่า ในองค์กรใดที่มีผู้บริหารหลายระดับ เช่น ผู้บริหารระดับสูง นายรอง และนายเล็ก ตามลำดับชั้นขององค์กรจะอยู่ไม่ได้เพราะข้อมูลที่ใกล้ชิดกับลูกค้าเมื่อมาถึงผู้บริหารจะขาดหาย*ทำให้ผู้บริหารไม่ทราบถึงปัญหาและไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที ซึ่งวันนี้เอเชี่ยนเพิ่งประกาศผังหน่วยงานใหม่ แยกองค์กรให้ชัดขึ้น “วันนี้ผมมีหน่วยงานดูแลพนักงานขายโดยเฉพาะแยกจากวิศวกร และเอาพนักงาน*เป็นตัวแทนลูกค้าดูแลคุณภาพบ้านให้ลูกค้าก่อนโอน แยกฝ่ายจัดซื้อกับฝ่ายตรวจสอบคุณภาพของทุกส่วนของบ้านออกจากกัน และวันนี้ผมเริ่มเก็บรวบรวมข้อมูลตลาดซึ่งอีก 5 เดือนผมจะมีข้อมูลที่จะมาวิเคราะห์เอง”

นอกจากนี้ บริษัทยังได้ให้ความสำคัญกับบุคลากรซึ่งเป็นหัวใจสำคัญ โดยได้ใช้งบประมาณจำนวนมากเพื่อเสริมศักยภาพให้กับบุคลากรที่เป็นพนักงานของบริษัท และฝ่ายต่างๆ
นายอนุพงษ์ กล่าวอีกว่า ณ วันนี้เอพีไม่ได้มุ่งเพื่อที่จะเป็น 1 ใน 5 ของผู้ประกอบการที่มีผลประกอบการสูงสุดในอุตสาหกรรม แต่ต้องการเป็นผู้ประกอบการเบอร์ 1 ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งในเรื่องของทำเลและคุณภาพของบ้าน ซึ่งเมื่อเวลาลูกค้านึกถึงคอนโดมิเนียมก็ขอให้มีเอพีเป็นหนึ่งในโครงการที่ลูกค้าต้องเข้า*ดู

สำหรับโครงการที่ลงทุนในปี 2552 มีมูลค่าขายรวม 17,360 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการบ้านเดี่ยวแบรนด์เดอะเซ็นโทร รามอินทรา มูลค่าโครงการ 1,370 ล้านบาท , โครงการบ้านกลางเมืองอัลเบอร์เนียล เอกมัย-รามอินทรา มูลค่า 1,800 ล้านบาท, โครงการบ้านกลางเมืองลาดปลาเค้า มูลค่า 900 ล้านบาท, โครงการเดอะแอดเดรส@ ปทุมวัน มูลค่า 850 ล้านบาท, โครงการเดอะแอดเดรส@พญาไท มูลค่า 1,000 ล้านบาท, โครงการคอนโดมิเนียม ซอยลาดพร้าว 18 มูลค่า 1,500 ล้านบาท, โครงการคอนโดมิเนียมซอยสาทร 12 มูลค่า 3,400 ล้านบาท, คอนโดมิเนียมถนนอโศก-เพชรบุรี มูลค่า 3,000 ล้านบาท, คอนโดมิเนียมซอยสุขุมวิท 28 มูลค่า 1,890 ล้านบาท, คอนโดมิเนียมเดอะไลฟ์@รัชดาฯ-ห้วยขวาง 2 มูลค่า 1,650 ล้านบาท และล่าสุดเปิดตัวโครงการโฮมออฟฟิศ ภายใต้แบรนด์ BIZTOWN 2 ทำเล คือศรีนครินทร์ จำนวน 54 ยูนิต มูลค่า 300 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 6.99 ล้านบาท และทำเลลาดพร้าว จำนวน 69 ยูนิต มูลค่า 660 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 8.19 ล้านบาท

อนึ่ง ณ ไตรมาส 1/2552 เอเชี่ยนมียอด Backlog อยู่ที่ 13,988 ล้านบาท มาจากบ้านแนวราบ 2,903 ล้านบาท และจากคอนโดมิเนียม 11,085 ล้านบาท และในไตรมาส 1 มียอดขายสุทธิ 1,577 ล้านบาท มาจากบ้านแนวราบ 1,584 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 293 ล้านบาท

ขอบคุณข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ

วันที่ : 30 เมษายน – 2 พฤษภาคม 2552

ความคิดเห็น