วินด์มิลล์คิดใหญ่ ดึงแบรนด์ IDEO ต่อยอดทำคอนโดฯ

วินด์มิลล์อาคิเทค คิดการใหญ่ ดึงงานดีไซน์รุกตลาดรับสร้างคอนโดมิเนียม-โรงแรม-รีสอร์ต เผยเตรียมดึงเทคโนโลยี  IDEO ต่อยอดรับสร้างคอนโดมิเนียมแบบไพรเวซีตามแนวรถไฟฟ้าย่านซีบีดี โวไตรมาส 1 มียอดขายแล้ว 170 ล้านบาทจากเป้าทั้งปี 280 ล้านบาท

นายสมศักดิ์ โรจน์ดรงค์กุล กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วินด์มิลล์ อาร์คิเท็ค จำกัด ภายใต้อนันดา กรุ๊ป เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทได้เปิดดำเนินธุรกิจรับสร้างบ้านมาเป็นเวลา 5 ปี มียอดขายเติบโตตามลำดับคือ ตั้งแต่ปี 2547 มียอดขาย 50 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 70, 100, 200 บาทจนถึงปี 2551 มียอดขายลดลงเหลือ 160 ล้านบาท เนื่องจากการเซ็นสัญญาข้าม*เป็นต้นปี 2552 อย่างไรก็ดี สำหรับปี 2552 ได้ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 280 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการออกแบบและรับสร้างบ้าน 40 ล้านบาท ส่วนอีก 240 ล้านบาท เป็นรายได้ที่มาจากงานรับบริการออกแบบและก่อสร้างโครงการรวมถึงงานรับบริหารการขายด้วยซึ่งจะเริ่มในปีนี้

“ในปีนี้บริษัทได้รับออกแบบ-ตกแต่ง พัฒนาโครงการพร้อมรับบริหารงานขายให้เบ็ดเสร็จในโครงการลักชัวรี่ บลิส พัทยา (LUXURY BLISS PATTAYA) ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมที่หาดพัทยา มูลค่ากว่า 400 ล้านบาทของกลุ่มทุนผู้รับเหมารายย่อยในกทม. ขนาด 43 ยูนิต เป็นยูนิตขนาดใหญ่มี 3-4 ห้องนอน จุดเด่นคือมีท่าสำหรับจอดเรือยอชต์ ราคาขายเริ่มต้นที่ 7-20 ล้านบาท จะเปิดการขายในเดือนเมษายนนี้ โดยบริษัทจะมีรายได้จากการรับจากออกแบบ-ก่อสร้าง,งานรับบริหารงานขาย 3% และส่วนแบ่งจากกำไรสุทธิ โดยกำไรเบื้องต้นของโครงการนี้จะอยู่ประมาณ 40 ล้านบาท นอกจากนั้นยังรับออกแบบ-ตกแต่งและก่อสร้างโรงแรมด้วยขนาดความสูงไม่เกิน 8 ชั้น มูลค่าโครงการประมาณ 100-200 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี บริษัทมีแผนที่จะรับก่อสร้างคอนโดมิเนียมแบบไพรเวซีตามแนวรถไฟฟ้าแต่เข้า*ในซอย เพื่อต่อยอดธุรกิจจากบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ที่พัฒนาคอนโดมิเนียมแบรนด์ IDEO เนื่องจากบริษัทเล็งเห็นว่าคอนโดมิเนียมขนาดไม่ใหญ่มากเป็นแบบไพรเวตยังมีตลาดอยู่ แต่ยังไม่มีบริษัทรับก่อสร้างและออกแบบในรูปของบริษัทเข้ามาทำตลาดอย่างชัดเจนโดยบริษัทจะใช้เทคโนโลยีและโนว์ฮาวต่างๆที่บริษัทอนันดาฯมีเข้ามาช่วยต่อยอดธุรกิจรับสร้างบ้าน สำหรับปี 2552 บริษัทได้ปรับโครงสร้างองค์กรครั้งสำคัญ เพื่อมุ่งสู่ความเป็นองค์กรที่มีการทำงานและการให้บริการระดับ 6 ดาว ภายใต้แนวคิด “6 Star Luxury Services” ประกอบด้วย Star Luxury Design คือการออกแบบบ้านที่เน้นดีไซน์เป็นหลักสำหรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการอยู่ในเมืองและมีขนาดที่ดินไม่มาก บริษัทก็จะมีแบบบ้านแนวความคิดที่โดดเด่น บ้านแนวสูง 4-7 ชั้น ไว้รองรับในคอนเซ็ปต์ไพรเวต คอนโดมิเนียม (Private Condo) หรือบ้านสำหรับตระกูลคลัสเตอร์ เฮาส์ (Cluster House) บ้านเดี่ยวเป็นกลุ่ม 3 หลัง ภายในบริเวณเดียวกันเชื่อมความอบอุ่นและความสุขในครอบครัวใหม่ ซึ่งในปีนี้บริษัทจะออกแบบบ้านรูปแบบใหม่ออกมาอีกหลายแบบ เช่น บ้านที่ตอบรับไลฟ์สไตล์ที่ชอบความบันเทิงและกีฬา หรือบ้านในแนวกรีน คอนเซ็ปต์ (Green Concept)

ส่วนสตาร์ ลักซัวรี เซอร์วิส (Star Luxury Service) การบริการดูแลตั้งแต่รับข้อมูลเบื้องต้นจนถึงส่งมอบบ้านพร้อมบริการหลังการขาย, สตาร์ลักชัวรี (Star Luxury Communication) การสื่อสารแบบ 2 ทางที่รวดเร็ว ฉับไว, สตาร์ ลักชัวรี ควอลิตี้ คอนโทรล ซีสเต็มส์ (Star Luxury Quality Control System) การควบคุมคุณภาพงานก่อสร้างโดยได้ตั้งฝ่ายบริหารงานตรวจสอบคุณภาพงานก่อสร้างขึ้นมาดูแลคุณภาพงานก่อสร้างโดยเฉพาะซึ่งปกติทั่ว*มักจะใช้วิศวกรซึ่งข้อดีของการมีทีมตรวจสอบโดยเฉพาะคือไม่มีการรู้เห็นกันและบริษัทสามารถทำได้เพราะรับงานแค่ปีละ 10 หลังเท่านั้น และสตาร์ ลักชัวรี สเปกซิฟิเคชัน (Star Luxury Specification) เลือกใช้วัสดุคุณภาพดี และสตาร์ลักชัวรี ไพรซ์ (Star Luxury Price) ในราคาที่เหมาะสม

นอกจากนี้ ยังมีการปรับกลยุทธ์ในการทำตลาดเช่นการออกบูธตามคอมมิวนิตีมอลล์ต่างๆ เช่น คริสตัล พาร์ค โดยร่วมมือกับกลุ่มพาร์ตเนอร์เพื่อขยายช่องทางการขาย เช่น โบรกเกอร์ขายที่ดินและกลุ่มยานยนต์ เป็นต้น

ปัจจุบันนี้ บริษัทมียอดขายแล้ว 170 ล้านบาทในไตรมาสแรกจากจำนวนบ้าน 8 หลัง และอยู่ระหว่างการรอเซ็นสัญญาก่อสร้างอีก 7-8 หลัง มูลค่า 225 ล้านบาท ซึ่งเร็วๆนี้*จะได้อีก 2-3 หลัง มูลค่า 40 ล้านบาท ซึ่งหากเซ็นสัญญาได้ทั้งหมดรายได้ในปีนี้จะทะลุเป้าอย่างแน่นอน ” ตลาดรับสร้างบ้านระดับบนไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2552 เพราะจากประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2540 ทำให้ลูกค้ากลุ่มนี้หันมาเก็บเงินมากขึ้นโดยตลอดระยะเวลาของการรับสร้างบ้านมา 5 ปี ตลาดในปีนี้ถือเป็นปีที่ดีที่สุดของธุรกิจรับสร้างบ้านระดับบน”

ขอบคุณข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ

วันที่ : 29 มีนาคม – 1 เมษายน 2552

ความคิดเห็น