"Knightsbridge Prime Sathorn" ดูเพล็กซ์คอนโดบนทำเล CBD "สาทร-นราธิวาสฯ"
หากกล่าวถึงทำเลที่ใกล้ย่านธุรกิจของกรุงเทพมหานคร ที่เหมาะสำหรับอยู่อาศัยคงหนีไม่พ้นย่านสาทร-นราธิวาสฯ ที่เป็นหนึ่งในตัวเลือกสำหรับผู้คนที่อาศัยอยู่ย่านนี้หรือแม้กระทั่งชาวออฟฟิศทั้งหลายที่ต้องการหาที่อยู่ในช่วงวันธรรมดา เพื่อประหยัดเวลาการเดินทาง ซึ่งนับวันการจราจรในมหานครของเรานับจะทวีคูณความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆอีกทั้งจำนวนประชากรแฝงที่เพิ่มขึ้นทำให้ที่อยู่อาศัยเป็นที่ต้องการอย่างต่อเนื่อง ย่านสาทร-นราธิวาสฯ เอง ถือว่าเป็นย่านที่อยู่อาศัยที่ค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวสูง โครงการคอนโดมิเนียมหลายเจ้าก็มาเปิดตัวโครงการบนทำเลแห่งนี้ บางโครงการติดปัญหาด้านการก่อสร้าง บางโครงการก็ยังขายไม่หมด ซึ่งเป็นโจทย์ที่ท้าทายอย่างมากสำหรับ Developer ไฟแรงอย่าง Origin Property ที่ถือกำเนิดโครงการใจกลางเมืองโครงการแรก ว่าจะแก้โจทย์ทำเลแห่งนี้ให้ตัวโครงการของตัวเอง แตกต่างจากโครงการละแวกนี้ได้อย่างไร ด้วยวิธีไหน และจะน่าสนใจมากเพียงใด เราลองมาทำความรู้จักกับโครงการ Knightsbridge Prime Sathorn กันนะครับ
ทำเลสาทร-นราธิวาสฯ นับว่านานทีปีหนจะมีโครงการมาเปิดตัวเพียวแต่ไม่กี่โครงการเท่านั้น เนื่องด้วยข้อจำกัดด้านที่ดินและการเดินทางที่ไม่เชื่อมต่อกับ BTS เท่าไหร่นักเห็นจะต้องพึง BRT แทน ซึ่งในอนาคตจะแปรเปลี่ยนไป โดยมีข่าวว่า โครงการรถไฟฟ้าสายสีเทา (Monorail)กำลังจะมาแทนที่ BRT ก็ต้องคอยติดตามกันต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร แต่สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ทำเลนี้ไม่สามารถทดแทนทำเลอื่นได้นั้นก็คือ การเข้าสู่ CBD ใจกลางมหานครกรุงเทพได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว จะขับรถ นั่ง BRT หรือแม้กระทั่งเดินไปทำงานก็ยังได้ สามารถแบ่งเวลาไปทำอย่างอื่นก่อนเข้างานได้อีกมากมาย ไม่ต้องเร่งรีบ ในขณะเดียวกันก็เป็นทำเลที่สงบสุข ไม่พลุกพล่าน ตอบโจทย์สำหรับชาวออฟฟิศในย่านนี้ได้เป็นอย่างดี
โครงการ Monorail สายสีเทา (วัชรพล-พระโขนง-สะพานพระรามเก้า-ท่าพระ)
โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเทา เป็นเส้นทางใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2552 ในรูปแบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยว (โมโนเรล) โดยคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างปี พ.ศ. 2560 ใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 2 ปี และคาดว่าจะเปิดใช้บริการได้ในปี พ.ศ. 2562 โดยจะเริ่มก่อสร้างช่วงวัชรพล – ลาดพร้าว – พระรามสี่ก่อน หลังจากนั้นจึงจะก่อสร้างในช่วงพระรามสี่-สะพานพระรามเก้า ซึ่งทำเลที่ตั้งของโครงการอยู่ในช่วงนี้
แนวเส้นทางโครงการรถไฟฟ้าสายสีเทา (ช่วงพระรามสี่-สะพานพระรามเก้า) ส่วนช่วงพระรามสาม-ท่าพระเป็นส่วนต่อขยายในอนาคต สถานีที่ใกล้โครงการมากที่สุด คือ สถานีนราธิวาสฯ (GL26)
ถนนนราธิวาสฯ มีชื่อเต็มว่า “ถนนนราธิวาสราชนครินทร์” ซึ่งถนนนี้มีความยาวประมาณ 5.1 กิโลเมตร เริ่มจากถนนสุรวงศ์ ไปตามคลองตรงกลางถนน คือคลองช่องนนทรี ตัดกับถนนสีลม และถนนสาทรซึ่งเป็นสี่แยกที่สำคัญของย่านธุรกิจในกรุงเทพฯ เรื่อยมาตัดกับถนนจันทน์และถนนจันทน์เก่า จากนั้นตัดกับถนนรัชดาภิเษกและไปสิ้นสุดที่ถนนพระราม 3 บริเวณแยกพระราม 3-นราธิวาส ถนนนราธิวาสฯ นับว่าเป็นถนนที่มีความกว้างพอสมควร กว้างถึง 60 เมตร จำนวน 8 ช่องจราจร ซึ่งทำให้ที่ดินริมถนนนี้มีตึกสูงมากมาย และล่าสุดตึกที่สุดในประเทศไทยได้ เปิดตัวโครงการไปเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2559 ที่ผ่านมากับ “MahaNakhon” (มหานคร) ตึกระฟ้าสูง 314.2 เมตร จำนวน 77 ชั้น ถือเป็น Landmark แห่งใหม่ของกรุงเทพมหานครและประเทศไทย
เส้นทางสาทร-นราธิวาส ถือเป็นเส้นหลักสำคัญในการเดินทางของผู้อยู่อาศัยย่าน นางลิ้นจี่ สาธุประดิษฐ์ พระรามสาม และเป็นเส้นที่เชื่อมต่อมาจากพระรามสี่ฝั่งท่าเรือคลองเตย ซึ่งเส้นพระรามสี่เท่าที่ทราบดีอยู่แล้วว่าการจราจรหนาแน่น พระรามสามจึงเป็นเส้นทางสู่สาทรได้สะดวก ผ่านแยกรัชดา-นราธิวาสฯ เข้าสู่เส้นนราธิวาสฯ มุ่งตรงเข้าสู้สาทรได้อย่างง่ายดาย เส้นนราธิวาสฯ เองสามารถออกจากเมืองได้โดยทางด่วน ไม่ว่าจะไปทางบางนา พระรามสองหรือแจ้งวัฒนะก็สะดวกทั้งนั้น ถือว่าใช้ชีวิตอยู่จุดศูนย์กลางย่านธุรกิจอย่างสาทรได้อย่างแท้จริง
ที่ตั้งของโครงการ
Knightsbridge Prime Sathorn ตั้งอยู่บนแปลงที่ดิน เดิมคือพื้นที่ของปั๊มน้ำมันเชลล์ ใกล้กับสถานี BRT อาคารสงเคราะห์ซึ่งในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีเทาวิ่งผ่านหน้าโครงการ ตัวโครงการอยู่ติดถนนนราธิวาสฯ ง่ายต่อการเข้า-ออก โดยปั๊มเชลล์จะหมดสัญญาเช่าประมาณเดือนมิถุนายนปี 2560
พื้นที่ปั๊มน้ำมันเชลล์ ด้านหลังเป็นพื้นที่สีเขียว โดยจะเห็นได้ว่าตัวโครงการอยู่ใกล้กับสถานี BRT อาคารสงเคราะห์ เดินเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น
ด้วยศักยภาพของทำเลสาทร-นราธิวาสฯ เองเป็นเหตุให้ในช่วง 1-2 ปีมานี้ไม่มีโครงการใหม่เปิดตัวเลย เห็นแต่จะมีโครงการ The Hudson Sathorn เท่านั้น แต่โครงการนี้เป็นการนำ Apartment มาปรับโฉมใหม่เป็นโครงการคอนโดมิเนียม Low-rise ซึ่งอยู่ในซอยสาทร 7 หากวัดจากโครงการที่เปิดตัวริมถนนนราธิวาสฯ ตั้งแต่แยกสาทร-นราธิวาสไปจนถึงแยกรัชดา-นราธิวาสฯ ยังไม่มีโครงการใหม่เปิดตัวเลย ถือว่าเงียบไปพักใหญ่พอสมควร สำหรับทำเลนี้ ซึ่งแท้ที่จริงแล้วเป็นทำเลที่น่าสนใจและเหมาะแก่การอยู่อาศัยอยู่พอสมควร ทาง Origin Property หรือเราเรียกกันสั้นๆ ว่า Origin ได้ปักหลักโครงการทำเลในเมืองตัวแรกของ Origin ปกติเราจะเห็น Developer รายนี้จะพัฒนาโครงการตามชานเมืองซะเป็นส่วนใหญ่และแถบศรีราชาจับกลุ่มลูกค้าชาวญี่ปุ่น ซึ่งถือว่าเป็น Developer ที่มีชื่อเสียง ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มาตั้งแต่ปี 2552 จนปัจจุบันจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) ไปเมื่อเดือนตุลาคม 2558 ที่ผ่านมา และโครงการ Knightsbridge Prime Sathorn เป็นโครงการลำดับที่ 34 ของบริษัท ด้วยมูลค่าโครงการกว่า 3,800 ล้านบาท จึงเชื่อมันในศักยภาพของบริษัทว่าสามารถพัฒนาโครงการได้อย่างเต็มที่ หลังจากที่ปิดการขายไปหลายโครงการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โครงการล่าสุดในทำเลที่ Origin ถือว่าเป็น Pilot project ที่จะขยายนามของบริษัทให้คนทั่วไปได้ที่รู้จัก Origin ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการแรกของ Origin เลยที่อยู่ในเมืองและทำเลศักยภาพ เป็นที่น่าสนใจมากในขณะนี้ เมื่อเราย้อนมองดูโครงการรอบๆ แล้วไม่ว่าจะเป็น RHYTHM Sathorn , Nara9 หรือโครงการอื่นๆ ในย่านนี้ตามซอย จะพบว่ารูปแบบส่วนใหญ่นั้นจะเป็นห้องสตูดิโอ, 1 ห้องนอนและ 2 ห้องนอน การที่จะสร้างความแตกต่างและสิ่งแปลกใหม่คงหนีไม่พ้นการนำเสนอรูปแบบห้องที่น่าสนใจมากกว่าเดิม ครั้งนี้ทาง Origin เองทำการบ้านมาหนักพอสมควรเพราะการที่จะเปิดโครงการใหม่ แถมยังในเมืองนั้นมีความท้าทายและต้องสร้างความเชื่อมั่นพอสมควร ซึ่งเราจะเห็นได้จากการที่บริษัทให้ความสำคัญกับการออกแบบสถาปัตยกรรมและการออบแบบตัวห้องพักเองนั้น โดยทาง Origin วิเคราะห์มาเป็นอย่างดีแล้วว่า โครงการ Knightsbridge Prime Sathorn ตัวใหม่ตัวนี้ positioning ของโครงการจะต้องอยู่ตำแหน่งไหนของตลาดนี้ ที่จะกว้าน Demand ที่มีความต้องการประเภทนี้มาเป็นลูกค้าของ Origin ให้ได้ ตามกราฟด้านล่างเห็นได้ว่า positioning ของโครงการนี้อยู่ในตำแหน่งที่ไร้คู่แข่ง การวางตัวอย่างชัดเจนทำให้ลูกค้าสามารถรับรู้ตัว detail ของโครงการได้มากกว่า เมื่อเทียบกับโครงการในละแวกเดียวกัน
การออกแบบสถาปัตยกรรม
การออกแบบตัวอาคาร Knightsbridge Prime Sathorn ให้มีความทันสมัย โดดเด่นด้วยการออกแบบยูนิตที่สะท้อนความเป็นเอกลักษณ์ ภายใต้คอนเซ็ป New English ฝีมือจาก สำนักงานสถาปนิก A49 โดยมีคุณปอย เป็นหัวเรือใหญ่คนเดียวกับที่ออกแบบแอชตัน สีลมนั่นเอง โดยส่วนใหญ่ห้องของทางโครงการจะเป็นแบบ Deplex คือ ตัวห้องจะมีความสูงมากกว่าโครงการโดยทั่วไป สูงถึง 4.4 เมตร สามารถใช้สอยพื้นที่ในความตั้งให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งในปัจจุบันการอยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมนั้นถือการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ที่จำกัดต้องมีประสิทธิภาพมากที่สุด ดังนั้นการออกแบบตัวยูนิตเองจึงสะท้อนมายัง Façade ของอาคารที่ให้ความรู้สึกสูงชลูดขึ้นจรดปลายฟ้า ที่สำคัญยังทำให้อาคารดูไม่แออัดจนเกินไป
จุดที่โดดเด่นอีกส่วนหนึ่งก็คือ การวางผังอาคารที่บิดเป็นรูปร่างซิกแซก เพราะว่าด้านทิศเหนือจะอยู่ใกล้กับโครงการ Nara9 รวมถึง RHYTHM Sathorn ทำให้ต้องบิดผังอาคารเพื่อตอบรับมุมมองที่ดีกว่า โล่งกว่า วิวแต่ละยูนิตที่ได้ก็จะแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด เพราะมุมที่บิด จะส่งผลให้ตำแหน่งองศาของห้องไม่เหมือนกับโครงการละแวกเดียวกัน แนวแกนอาคารจะมีทั้งหมดสองแกน เห็นได้ชัดว่าไม่มีห้องใดได้รับวิวปะทะกับโครงการที่เป็นตึกสูงด้านิศเหนือเลย
วิวทิศตะวันตกเฉียงเหนือ (สาทรตอนปลาย)
วิวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ (สาทรตอนต้น)
วิวทิศตะวันออกเฉียงใต้ (บางกระเจ้า แม่น้ำเจ้าพระยา)
วิวทิศตะวันตกเฉียงใต้ (ถนนจันทน์ พระรามสาม สะพานพระรามเก้า)
รายละเอียดโดยทั่วไปของโครงการ
โครงการ Knightsbridge Prime Sathorn มีขนาดที่ดิน 2-3-68.92 ไร่ มีจำนวนยูนิตทั้งหมด 729 ยูนิต แบ่งเป็นส่วนพักอาศัย 726 ยูนิตและส่วนร้านค้า 3 ยูนิต
ส่วนยูนิตพักอาศัยมี 4 แบบ คือ
– Monoplex ขนาด 30 ตร.ม. จำนวน 126 ยูนิต
– Monoplex ขนาด 24 ตร.ม. จำนวน 106 ยูนิต
– Duplex ขนาด 30 ตร.ม.(พื้นที่ใช้สอย 44 ตร.ม.) จำนวน 266 ยูนิต
– Duplex ขนาด 24 ตร.ม.(พื้นที่ใช้สอย 37 ตร.ม.) จำนวน 228 ยูนิต
จำนวนที่จอดรถ 509 คัน คิดเป็น 70% จอดแบบระบบ Automation parking ทั้งหมด
เริ่มก่อสร้าง ไตรมาสที่ 3 ปี พ.ศ.2560
คาดว่าก่อสร้างแล้วเสร็จ ไตรมาสที่ 3 ปี พ.ศ.2562
แปลนอาคารชั้นล่าง เป็นส่วนโถงต้อนรับขนาดใหญ่ มีส่วนร้านค้าจำนวน 3 ยูนิต เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้พักอาศัยในโครงการ และที่จอดรถสำหรับ visitor จำนวน 18 คัน พร้อมพื้นที่สวนรอบโครงการ
แปลนชั้นจอดรถ
แปลนชั้นที่ 15-23 ห้องแบบ Monoplex
แปลนชั้นที่ 24-42 ห้องแบบ Duplex
แปลนชั้นที่ 43 ส่วนกลาง ชั้นสูงสุด (Amenity)
– Lap pool ยาว 35 ม. (รวมความยาวสระทั้งหมด 45 เมตร)
– Therapy pool
– Terrace
– Sky bath
– Metropolitan club
– Media club
– Fitness (Mezzanine floor)
การออกแบบ Unit plan
ยูนิตห้องพักของโครงการนี้ถือว่าเป็นจุดชูโรงของโครงการเลยก็ว่าได้ เนื่องจาก supply บริเวณนี้แถบจะไม่มีเลยหรือถ้ามีก็จะราคาสูงมาก โดยทางโครงการให้น้ำหนักกับห้องแบบ duplex เป็นพิเศษ ความสูง floor to ceiling 4.40 เมตร ในสัดส่วนประมาณ 68% เลยทีเดียว ส่วนอีกประมาณ 32% จะเป็นห้องแบบ monoplex คือห้องความสูง floor to ceiling 2.65 เมตร โดยแต่ละแบบห้องจะมี 2 ขนาด คือ 24 และ 30 ตร.ม. โดยไฮไลท์ของโครงการก็เห็นจะเป็นห้อง duplex ที่ให้พื้นที่ใช้สอยชั้นลอยของแต่ละยูนิตที่เพิ่มเข้าแบบไม่คิดในโฉนดด้วย ซึ่งพื้นที่ชั้นลอยจะเป็นในส่วนของห้องนอนครับ
ห้อง Duplex ขนาด 24 ตร.ม.
แบ่งพื้นที่ใช้สอยได้อย่างลงตัว แยกส่วน living และ kitchen and service อย่างชัดเจน ที่สำคัญเป็นครัวปิด รับแสงจากธรรมชาติด้วยกระจกสูงหน้ากว้างถึง 4.85 เมตร
ภาพ section ของห้อง duplex 24 ตร.ม. แสดงให้เห็นว่าสามารถใช้งานได้จริงด้วยการออกแบบพื้นที่แนวตั้งทำให้ได้ประสิทธิภาพที่มากกว่า
ห้อง Duplex ขนาด 30 ตร.ม.
ส่วนที่แตกต่างระหว่างห้อง duplex ขนาด 24 ตร.ม. คือ ความลึกที่เพิ่มเข้ามาอีก 0.95 เมตร ทำให้สามารถมีพื้นที่เพิ่มขึ้น ส่วนที่ถัดจากห้องครัว ซึ่งในแปลนทำเป็นห้องนอนเล็ก โดยสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการถือว่าเป็น multipurpose room ก็ได้เช่นกันครับ
ภาพ section ของห้อง duplex 30 ตร.ม. แสดงให้เห็นว่าพื้นที่เพิ่มขึ้นก็สามารถมีห้อง multipurpose room ได้เช่นกัน
ห้อง Monoplex ขนาด 24 ตร.ม.
สำหรับห้อง Monoplex หรือ 1 ห้องนอนโดยทั่วไปนั่น จะอยู่ตั้งแต่ชั้น 15-23 เท่านั้น แปลนของห้องออกแบบมาตามฉบับมาตรฐานที่ 1 ห้องนอนควรมี แบ่งแยกโซน living , kitchen และห้องนอนได้ลงตัว
พื้นที่ living เชื่อมกับห้องนอน
ห้อง Monoplex ขนาด 30 ตร.ม.
ส่วนใหญ่ห้องขนาด 30 ตร.ม. จะเพิ่ม multipurpose room เข้ามาให้จะทำเป็นห้องนอนเล็กหรือห้องทำงานก็ได้ แต่สำหรับห้องนี้อาจจะดูแปลกตาไปสักนิด เพราะห้องครัวอยู่คั่นกลางระหว่างห้องน้ำและห้องนอน ทำให้พื้นที่ส่วนใหญ่หนักไปทาง living
พื้นที่ส่วน livingเชื่อมต่อกับห้อง multipurpose ซึ่งในภาพเป็นห้องทำงานติดกับพื้นที่ระเบียง
ภาพตัวอย่างภายในส่วนห้องนอน
ใครเหมาะสมที่จะซื้อโครงการนี้?
เป็นที่แน่นอนว่าย่านสาทรจนไปกระทั่งสีลม คราคร่ำไปด้วยแหล่งออฟฟิศมากมาย ซึ่งถือเป็นย่านธุรกิจที่สำคัญอย่างยิ่งของกรุงเทพฯ และประเทศไทย เป็น financial hub ของประเทศไทยเลยก็ว่าได้ อาทิเช่น บริษัท Audit firm ชื่อดังอย่าง PwC, KPMG, Deloitte สำนักงานใหญ่ของธนาคารหลายแห่ง อาทิ ธนาคารกรุงเทพ, UOB, Standard Chartered, TISCO, BTMU (Bank of Tokyo-Mitsubishi UFJ) และบริษัทหลักทรัพย์ บริษัทเงินทุน Law firm อีกมากมาย ทั้งนี้รายได้ของคนกลุ่มนี้ทั้งพนักงาน ห้วหน้า ผู้บริหารระดับกลาง ถือว่าเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของโครงการ นอกจากนี้กลุ่มผู้ปกครอง นักเรียนในโรงเรียนละแวกนี้ เช่น โรงเรียนเซนโยเซฟคอนแวนต์ โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน โรงเรียนอัสสัมชัญ แผนกประถมและมัธยม โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา และสถานศึกษาชั้นนำ อีกกลุ่มหนึ่งที่น่าสนใจ คือชาวต่างชาติอยู่แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่รู้จักย่านสาทรอยู่แล้วและชอบอาศัยอยู่บริเวณนี้ค่อนข้างมาก
โดยทาง Origin เองทำ package price มาในราคาที่เหมาะสม เริ่มต้นเพียง 3.2 ล้านบาท โดยห้อง duplex เริ่มต้นเพียง 4.5 ล้านบาท ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรของโครงการอยู่ที่ประมาณ 150,000 บาท/ ตร.ม. ซึ่งราคานี้สามารถจับต้องได้ จึงเชื่อว่าด้วย product ที่แตกต่างและมีทำเลที่โดดเด่น น่าจะทำยอดขายและเป็นที่สนใจของกลุ่มลูกค้าได้เป็นอย่างดี
หากท่านสนใจโครงการ Knightsbridge Prime Sathorn เปิดจองครั้งแรกวันที่ 1-2 ตุลาคมนี้ ที่โรงแรมโซ โชฟิเทล แบงค็อก และสามารถเข้าชม Sales gallery ก่อนช่วงเปิดจองได้ตั้งแต่วันที่ 24 กันยายานนี้ ที่โครงการครับ
สามารถเข้าไปลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://knightsbridge-sathorn.origin.co.th/Sathorn