พรีวิว The Tree KiakKai Station condominium เดอะทรี เกียกกาย สเตชั่น คอนโดมิเนียม

(พฤกษาฯ ยกเลิกโครงการนี้แล้ว)

โครงการใหม่ ของ พฤกษาเรียลเอสเตท The Tree KiakKai Station เดอะทรี เกียกกาย สเตชั่น
ทำเลอยู่ใกล้สถานี MRT เกียกกาย  เป็นคอนโดอาคารสูง 33 ชั้น เริ่มดำเนินโครงการ พฤษภา 53 นี้

the-tree-kiakkai-station20161207-001

ราคาเริ่มต้น 1.2 ล้านบาท  (เดือน เมษายน 2553)

the-tree-kiakkai-station20161207-002

คอนโดสูง 33 ชั้น

the-tree-kiakkai-station20161207-003

โครงการนี้ เป็น คอนโดมิเนียมที่อยู่ริมแม่น้ำ อยู่ใกล้รัฐสภาแห่งใหม่
และคาดว่าในอนาคต รัฐบาลบอกว่าจะสร้างสะพานเชื่อมกับถนนอีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำ เพราะเป็นศูนย์สำนักงาน ทางราชการแห่งใหม่ ที่มีขนาดใหญ่

ตำแหน่งในรูปน่าจะเป็นที่ตั้งโครงการคร่าวๆ ครับ 

the-tree-kiakkai-station20161207-004

เปิดขุมทรัพย์ รอบรัฐสภาใหม่ ทำเลทองย่านเกียกกาย

the-tree-kiakkai-station20161207-005

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ชี้ทำเลทองแห่งใหม่ในพื้นที่ กทม.คือบริเวณที่รอบรัฐสภาแห่งใหม่รัศมี 5-10 กม. การเดินทางไม่ติดขัดแถมยังมี สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาเกิดขึ้นอีกหลายจุด…

นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า แผนการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ย่านเกียกกาย เขตดุสิต ติดถนนสามเสน-ถนนประชาราษฎร์ 1 บนเนื้อที่ 119 ไร่ ที่กำลังจะเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น เมื่อมีการตัดสินแบบที่ชนะการประกวดไปเมื่อต้นเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมานั้น ขั้นตอนต่อไปต้องมีการลงนามในสัญญาเพื่อให้มีการออกแบบพื้นที่ใช้สอย โดยใช้ระยะเวลาการออกแบบประมาณ 7-8 เดือน ดังนั้น กว่าจะประมูลงานก่อสร้างได้คงอยู่ในช่วงอีก 1 ปี นับจากนี้ หลังจากนั้นจะใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างอีกประมาณ 900 วัน อาคารรัฐสภาแห่งใหม่จะเสร็จสมบูรณ์ประมาณช่วงกลางถึงปลายปี 2556

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ประเมินว่าการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่นั้น ในตัวของรัฐสภาเองจะไม่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงด้านโครงการที่อยู่ อาศัยในบริเวณใกล้เคียงรัฐสภามากนัก เพราะบริเวณดังกล่าวเป็นเขตทหารเป็นส่วนใหญ่ ห่างออกไปในเขตบางซื่อย่านใกล้สถานีรถไฟก็เป็นพื้นที่ของการรถไฟซึ่งยังไม่ได้ใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์

ขณะที่ตัวรัฐสภาไม่ใช่ปัจจัยหลัก แต่การที่จะมีโครงข่ายคมนาคมเกิดขึ้นใหม่ๆ อีกมากในอนาคต เพื่อรองรับการเดินทางเข้าออกรัฐสภาโครงข่ายคมนาคมใหม่จะเป็นปัจจัยผลักดันให้มีการพัฒนาที่อยู่อาศัยในพื้นที่บริเวณรอบนอกรัศมี 5-10 กิโลเมตรออกไปโดยเฉพาะบนฝั่งซ้ายของแม่น้ำเจ้าพระยาเพราะจะมีการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำ จากเกียกกายไปยังฝั่งธนบุรีประมาณบริเวณถนนจรัญสนิทวงศ์ย่านบางพลัดหรือบางอ้อ ซึ่งจะก่อให้เกิดโอกาสการลงทุนพัฒนาที่อยู่อาศัยขยายออกไป

ขณะนี้สำนักการโยธากรุงเทพมหานครอยู่ในระหว่างเตรียมการเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ และกำหนดแนวสายทางโครงการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา 4 แห่ง สะพานที่เกียกกายจะเป็นอันดับแรกที่จะได้รับการก่อสร้างเมื่อมีแผนการก่อสร้างรัฐสภาชัดเจนแล้ว

โครงการที่อยู่อาศัยที่จะได้รับประโยชน์จึงน่าจะเป็นบริเวณรอบนอกของพื้นที่รัฐสภาไปทั้งสองแม่น้ำเจ้าพระยา โดยฝั่งขวาได้แก่ถนนประดิพัทธ์ ไปถึงย่านสะพานควายและถนนพหลโยธิน และฝั่งซ้ายของแม่น้ำ ได้แก่ ถนนจรัญสนิทวงศ์ย่านบางพลัด หรือบางอ้อและออกไปถึงถนนบางกรวย-ไทรน้อย ในพื้นที่อำเภอบางกรวย นนทบุรี และหากต่อออกไปอีกยังสามารถเชื่อมถึงแนวถนนราชพฤกษ์ได้ ทั้งนี้ ในฝั่งซ้ายนั้นในอนาคตจะมีโครงข่ายรถไฟฟ้าถึงย่านบางบำหรุและมีโครงข่ายรถไฟฟ้าสายสีม่วงถึงบางใหญ่

สำหรับโครงการที่อยู่อาศัยในย่านใกล้เคียงที่ทำการรัฐสภาแห่งใหม่ในปัจจุบัน เฉพาะที่อยู่ในระหว่างการขายและอยู่ในรัศมีประมาณ 3 กิโลเมตรจากจุดก่อสร้างรัฐสภามีโครงการจำนวนน้อยมากเพียงประมาณ 3-4 โครงการ โดยมีโครงการขนาดเล็กไม่ถึง 100 หน่วย

ส่วนราคาประเมินของที่ดินในย่านดังกล่าว ซึ่งประเมินโดยสำนักประเมินราคาที่ดิน กรมธนารักษ์ ประกาศใช้เมื่อต้นปี 2551 สำหรับถนน สามเสนอยู่ที่ประมาณ 200,000 บาทต่อตารางวา สำหรับถนนทหารอยู่ที่ ประมาณ 120,000 บาทต่อตารางวา สำหรับถนนนครไชยศรีอยู่ที่ประมาณ 150,000-170,000 บาทต่อตารางวา สำหรับถนนประชาราษฎร์ สาย 1 อยู่ที่ประมาณตั้งแต่ 70,000-150,000 บาทต่อตารางวา บนอีกฝั่งของแม่น้ำ เจ้าพระยา บนถนนจรัญสนิทวงศ์ตลอดสายราคาประเมินมีตั้งแต่ 34,000 บาทถึง 100,000 บาทต่อตารางวา เฉพาะจรัญสนิทวงศ์ 87-97 ซึ่งเป็นจุดที่อาจมีการก่อสร้างทางขึ้นลงสะพานข้ามแม่น้ำนั้นราคาประเมินอยู่ที่ 17,000-51,000 บาทต่อตารางวา.

ที่มา ไทยรัฐออนไลน์

 

แนวคิดโครงการ

the-tree-kiakkai-station20161207-006

Floor Plan และ ที่ตั้งโครงการ

the-tree-kiakkai-station20161207-007

the-tree-kiakkai-station20161207-008

รูปบรรยากาศภายในห้อง

the-tree-kiakkai-station20161207-009

ผมว่าห้องทางทิศใต้ จะได้วิวและรับลมดีนะครับ
โดยเฉพาะ ห้องหมายเลข 25 ถ้าอยู่ชั้นสูงๆ ตำแหน่งดีมาก จะได้ทั้งวิวแม่น้ำ วิวรัฐสภาแห่งใหม่ และถ้าปีใหม่ หรือ วันเฉลิม มีการยิงพลุนี่ คิดว่าอยู่ในห้องมองมาคงจะสวยมาก

the-tree-kiakkai-station20161207-010

สถานที่สำคัญโดยรอบ ในบริเวณนี้

the-tree-kiakkai-station20161207-016

the-tree-kiakkai-station20161207-017

ห้องที่ยังไม่ถูกจอง ณ.วันที่ 4 มิถุนายน 2553

the-tree-kiakkai-station20161207-018

 

โยธาคุมรอบรัฐสภาใหม่รัศมี500ม. ห้ามสร้างตึกสูงเกิน5-8ชั้นหวั่นบดบังทัศนียภาพ

กรมโยธาธิการและผังเมืองหวั่นโครงการ “รัฐสภาแห่งใหม่” ย่านเกียกกายถูกรุมทึ้ง ออกกฎเหล็กคุมเข้มตึกสูงรอบโครงการ เนื้อที่ 119 ไร่ ใน 3 เขต “บางซื่อ-ดุสิต-บางพลัด” ห้ามก่อสร้างและดัดแปลงในรัศมี 300-500 เมตร ห้ามสร้างอาคารสูง 15 เมตร และ 23 เมตร โรงงาน โรงมหรสพ สถานีขนส่ง ตลาด ปั๊มน้ำมัน อาคารขนาดใหญ่ ป้าย โรงขยะมูลฝอย เริ่ม 28 ม.ค. 54 เป็นต้นไป

นายอุดม พัวสกุล อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า กรมได้ออกประกาศกระทรวงมหาดไทยควบคุมบริเวณโดยรอบอาคารรัฐสภาแห่งใหม่บริเวณย่านเกียกกาย คลุมพื้นที่ถนน 3 สาย ได้แก่ ถนนทหาร ถนนสามเสน และถนนประชาราษฎร์สาย 1 ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา

โดยจะห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้ประโยชน์อาคารบางชนิด หรือบางประเภทในพื้นที่ 3 เขต คือเขตบางซื่อ เขตดุสิต และเขตบางพลัด ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2554-28 มกราคม 2555 เนื่องจากประกาศจะมีอายุบังคับใช้ 1 ปี เมื่อครบกำหนดจะออกเป็นข้อบัญญัติ หรือกฎกระทรวง ต่อไป โดยเป็นไปตามกฎหมายควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522

“เหตุผลที่กรมออกประกาศฉบับนี้ขึ้นมา เพื่อเป็นมาตรการป้องกันล่วงหน้า ไม่ให้มีการก่อสร้างอาคารสูงที่ไปบดบังทัศนียภาพและความสวยงามของอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ที่กำลังจะก่อสร้าง”

นายอุดมกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ เพื่อเป็นการป้องกันความปลอดภัยที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เนื่องจากที่นี่จะเป็นสถานที่ประชุมและที่ทำการของฝ่ายนิติบัญญัติ จึงต้องออกแบบและดูแลสภาพแวดล้อมให้มีความสง่างาม ที่สำคัญคือการจัดการผังเมืองให้มีการพัฒนาแบบมีสัดส่วน ไม่ใช่ปนเปกันไปหมด อย่างน้อยที่สุด ในรัศมีที่ประกาศกระทรวงจะมีผลบังคับใช้นั้น คงไม่เหมาะจะสร้างที่อยู่อาศัย

สำหรับรายละเอียด ได้กำหนดพื้นที่ควบคุม 2 บริเวณ คือ “บริเวณที่ 1” เป็นบริเวณรอบนอกแนวเขตที่ดินของรัฐสภาแห่งใหม่ ระยะ 300 เมตร ห้ามก่อสร้างอาคาร 13 ประเภท

คือ 1.อาคารที่มีความสูงเกิน 15 เมตร หรืออาคารสูงเกิน 5 ชั้น 2.โรงงานทุกประเภท 3.โรงมหรสพ 4.อาคารสถานีขนส่ง 5.อาคารเลี้ยงสัตว์ทุกชนิด ที่มีพื้นที่ทุกชั้นในหลังเดียวกัน หรือหลายหลังรวมกันเกิน 10 ตารางเมตร หรือเป็นไปเพื่อการค้า หรือก่อเหตุรำคาญตามกฎหมายสาธารณสุข 6.อาคารขนาดใหญ่

7.ตลาดที่มีพื้นที่ทุกชั้นในหลังเดียวกัน หรือหลายหลังรวมกันเกิน 300 ตารางเมตร 8.โรงซ่อม สร้าง หรือบริการยวดยาน 9.คลังน้ำมันเชื้อเพลิงและสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง 10.ป้ายหรือสิ่งที่สร้างขึ้นสำหรับติดตั้งป้ายทุกชนิด เว้นป้ายบอกชื่อสถานที่ที่มีความสูงไม่เกิน 12 เมตร

11.ฌาปนสถาน 12.อาคารเก็บสินค้า อาคาร หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของอาคารที่มีลักษณะใช้เป็นที่เก็บ พัก หรือขนถ่ายสินค้า หรือสิ่งของเพื่อประโยชน์ทางการค้า หรืออุตสาหกรรมที่มีพื้นที่อาคาร รวมกัน 100 ตารางเมตร และ 13.โรงกำจัดขยะมูลฝอย

สำหรับ “บริเวณที่ 2” เป็นบริเวณรอบนอกแนวเขตบริเวณที่ 1 ในระยะ 500 เมตร จะห้ามก่อสร้างอาคาร 8 ประเภท คือ 1.อาคารที่มีความสูงเกิน 23 เมตร หรืออาคารสูงเกิน 7-8 ชั้น 2.โรงงานทุกประเภท

3.อาคารขนาดใหญ่ 4.โรงซ่อม สร้าง หรือบริการยวดยาน 5.คลังน้ำมันเชื้อเพลิงและสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง

6.ป้าย หรือสิ่งที่สร้างขึ้นสำหรับติด หรือตั้งป้ายทุกชนิด เว้นป้ายบอกชื่อสถานที่ที่มีความสูงไม่เกิน 12 เมตร 7.อาคารเก็บสินค้า อาคาร หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของอาคารที่มีลักษณะพัก หรือขนถ่ายสินค้า หรือสิ่งของเพื่อประโยชน์ทางการค้า หรืออุตสาหกรรมที่มีพื้นที่อาคารรวมกันเกิน 100 ตารางเมตร และ 8.โรงกำจัดขยะมูลฝอย

“ประกาศนี้ไม่มีผลย้อนหลังอาคารที่ได้รับอนุญาตก่อสร้างก่อนประกาศฉบับนี้ใช้บังคับ แต่จะมีผลบังคับใช้กับตึกใหม่ที่ขออนุญาตหลังวันที่ 28 มกราคมเป็นต้นไป แต่หากจะมีการดัดแปลงตึกเก่า หรือสร้างตึกใหม่ ต้องทำตามกฎของประกาศฉบับนี้” อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมืองกล่าว

ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
วันที่ 03 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

 

พฤกษายกเลิกโครงการเดอะทรี เกียกกาย สเตชั่น

พฤกษาออกหนังสือชี้แจงโครงการเดอะทรี เกียยกาย สเตชั่น เป็นเหตุสุดวิสัย ยกเลิกโครงการพร้อมคืนเงินลูกค้ากับดอกเบี้ยในอัตราสูงสุดของเงินฝากออมทรัพย์แบงก์กรุงไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ได้พัฒนาโครงการอาคารชุดเดอะทรี เกียกกาย สเตชั่น ซึ่งเป็นอาคารสูง 32 และ 34 ชั้น 2 อาคาร จำนวนและได้ปิดการขายไปตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2553 และต่อมาได้มีประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภทในพื้นที่บางส่วนในท้องที่เขตบางซื่อ เขตดุสิต และเขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร นั้น

บริษัทฯ จึงได้ทำการชี้แจงว่า ก่อนที่จะเริ่มดำเนินโครงการ บริษัทฯ ได้ศึกษาตรวจสอบที่ดินที่จะก่อสร้างและกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้วเห็นว่าที่ดินที่ตั้งโครงการนั้น สามารถก่อสร้างอาคารชุดสูง 34 ชั้นได้ซึ่งบริษัทได้ดำเนินการตามข้อกำหนดและกฎหมายต่างๆ ที่มีผลบังคับใช้กับบริเวณโครงการในขณะนั้นทุกประการ โดยเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2553 ได้ทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมเสนอต่อเจ้าหน้าที่ซึ่งมีอำนาจตามกฎหมายและสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด้อมตามกฎหมายแล้ว และได้นำเสนอต่อไปยังคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณาต่อไปตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2553 ซึ่งต่อมาคณะกรรมการฯ ได้ให้บริษัททำการแก้ไขเพิ่มเติมและให้บริษัทสอบถามไปยังรัฐสภาถึงข้อคิดเห็นต่อการก่อสร้างโครงการฯ บริษัทได้ปฏิบัติตามโดยเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2553 บริษัทไท-ไท วิศวกร จำกัด ที่ปรึกษาของบริษัทได้มีหนังสือไปยังประธานรัฐสภา สอบถามข้อคิดเห็นต่อการก่อสร้างโครงการฯ และเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2553 ได้ทำการแก้ไขรายงานวิเคราะห์ผลกระทบฯ เพิ่มเติมและชี้แจงให้คณะกรรมการผู้ชำนาญฯ ทราบแต่ไม่ได้รับความเห็นชอบ

ต่อมา บริษัทได้ทราบว่า เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2554 กระทรวงมหาดไทยได้ออกประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนแปลงการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภทในพื้นที่บางส่วนเขตบางซื่อ เขตดุสิต และเขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร และได้ลงประกาศดังกล่าวในราชกิจจานุเบกษาวันที่ 28 มกราคม 2554 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 29 มกราคม 2554 ซึ่งก่อนหน้านั้นบริษัทไม่เคยทราบมาก่อนว่าจะมีประกาศดังกล่าว เป็นเหตุให้บริษัทไม่สามารถก่อสร้างอาคารโครงการเดอะทรี เกียกกาย สเตชั่น ได้อีก ซึ่งโครงการกำลังปรึกษากับที่ปรึกษากฎหมายเพื่อดำเนินการให้ได้รับความเป็นธรรมต่อไป

สำหรับลูกค้าที่จองห้องชุดของโครงการดังกล่าว บริษัทจำเป็นต้องยกเลิกโครงการ และขอบอกเลิกสัญญาจะซื้อจะขายห้องชุด โดยจะคืนเงินให้ลูกค้าที่ชำระมาทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ยในอัตราสูงสุดของดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ตามข้อตกลงในสัญญาจะซื้อจะขายที่อ้างถึงข้อ 6.1 วรรคท้ายและข้อ 6.3 โดยขอรับเงินได้ในทุกวันทำการของบริษัท

ที่มา www.propertychannelnews.com
วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2554

 

พฤกษาฯ นัดลูกค้า’เดอะทรี’ 12-13ก.พ.

นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า จากปัญหาการไม่สามารถก่อสร้างโครงการเดอะทรี เกียกกาย สเตชั่น ได้ ทำให้บริษัทต้องคืนเงินให้กับลูกค้าทั้งหมดจำนวน 1,042 ราย พร้อมอัตราดอกเบี้ย รวมมูลค่า 45 ล้านบาท ก่อนจะเริ่มพัฒนาโครงการใหม่อีกครั้ง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาและปรับรูปแบบของโครงการใหม่ทั้งหมด คาดว่าในช่วงกลางปีคงจะเริ่มดำเนินการได้ แต่ทั้งนี้จะต้องดำเนินการทุกอย่างให้แล้วเสร็จก่อน ไม่ว่าจะเป็นการขออนุญาตการก่อสร้าง การทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำเดิมอีกครั้ง ซึ่งหากเปิดขายโครงการใหม่ทางบริษัทจะให้สิทธิ์กับลูกค้าเดิมเลือกซื้อได้ก่อน

ทั้งนี้ ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัทได้ออกหนังสือชี้แจง กรณีที่โครงการอาคาคารชุด เดอะ ทรี เกียกกาย สเตชั่น ประสบปัญหาไม่สามารถก่อสร้างได้ เนื่องจากขัดต่อประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่เขตบางซื่อ เขตดุสิต และเขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเอกสารชี้แจงประกอบด้วย หนังสือชี้แจงการ หนังสือของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ที่ สผ 0003/762 เรื่อง ผลกระทบต่ออาคารรัฐสภาแห่งใหม่ เนื่องจากการก่อสร้างอาคารสูงโดยรอบบริเวณ ลงวันที่ 27 มกราคม 2554 ประกาศกระทรวงมหาดไทย รายการเอกสารที่ใช้ในการรับเงินคืน และหนังสือมอบอำนาจ สำหรับผู้ซื้อที่ไม่สามารถมาได้ด้วยตัวเอง

สำหรับหนังสือชี้แจงของบริษัท พฤกษาฯ นั้น ใจความสำคัญระบุว่า ก่อนที่บริษัทจะเริ่มพัฒนาโครงการ ได้ทำการศึกษาตรวจสอบที่ดินที่จะก่อสร้างและกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้ว เห็นว่าสามารถดำเนินการก่อสร้างอาคารชุดสูง 34 ชั้น ตามผังและแบบโครงการ ภายใต้ข้อกำหนดและกฎหมายต่างๆ ที่มีผลบังคับใช้กับบริเวณโครงการในขณะนั้นทุกประการ ซึ่งไม่มีส่วนใดขัดต่อกฎหมาย จึงดำเนินการเปิดขายให้กับผู้สนใจ พร้อมกับชี้แจงถึงสาเหตุของการออกประกาศกระทรวงมหาดไทย ที่เป็นเหตุทำให้บริษัทไม่สามารถก่อสร้างโครงการได้

ทั้งนี้ บริษัทได้ออกมายืนยันว่ามีความพร้อมและมีความต้องการสร้างโครงการ แต่ด้วยเหตุดังกล่าวทำให้จำเป็นต้องยกเลิกโครงการ และขอบอกเลิกสัญญาจะซื้อจะขายห้องชุดกับลูกค้า โดยจะคืนเงินที่ชำระให้กับบริษัทแล้วทั้งหมดพร้อมอัตราดอกเบี้ยในอัตราสูงสุดของดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งจะชำระคืนเป็นแคชเชียร์เช็คธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) คำนวณดอกเบี้ยถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2554

ในการรับเงินคืนบริษัทได้กำหนดการรับเงินคืนในวันที่ 12-13 กุมภาพันธ์ นี้ที่สำนักงานขายโครงการเดอะทรี บางโพ สเตชั่น ตั้งแต่เวลา 09.00-19.00 น. ซึ่งแบ่งช่วงเวลารับเงินคืนตามพื้นที่ที่ลูกค้าได้ซื้อห้องชุดไป ได้แก่ วันที่ 12 กุมภาพันธ์ ลูกค้าที่ซื้อชั้น 4-8 รับเวลา 09.00-12.00 น. ชั้นที่ 8-12 รับเวลา 12.00-15.00 น. ชั้นที่ 13-18 รับเวลา 15.00-19.00 น. วันที่ 13 กุมภาพันธ์ ลูกค้าที่ซื้อในชั้นที่ 19-23 รับเวลา 09.00-12.00 น. ชั้นที่ 24-28 รับเวลา 12.00-15.00 น. และชั้นที่ 29-34 รับเวลา 15.00-19.00 น.

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,608 10 – 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ความคิดเห็น