พรีวิว Abstracts Phahonyothin Park condominium แอ็บสแตร็กส์ พหลโยธิน พาร์ค คอนโดมิเนียม

Abstracts Phahonyothin Park  คอนโดมิเนียมสไตล์โมเดิร์น 3 อาคาร สูง 34 ชั้น จำนวนรวม กว่า 3,000 ห้อง
ราคา 75,000 บาทต่อตร.ม. ขนาด 25.1-66 ตร.ม.
พื้นที่โครงการ 21ไร่
มูลค่าโครงการกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าเฟสแรกจะแล้วเสร็จในปี 2554

abstracts-phahonyothin-park20161205-001

abstracts-phahonyothin-park20161205-002

“คีรี กาญจนพาสน์” ประกาศความพร้อมขยายการลงทุนสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เต็มสูบ ประเดิมผุดคอนโดมิเนียม 2 ทำเล พหลโยธิน/สุขุมวิท กว่า 1 หมื่นล้าน แจ้งเกิดภายใต้แบรนด์ “แอ็บสแตร์กส์”พร้อมระบุเปิดโอกาสทั้งร่วมทุน จ้างพัฒนา ชูกลยุทธ์ตลาดเหนือรายอื่นแจกบัตรรถไฟฟ้าใช้ฟรี 10 ปี

abstracts-phahonyothin-park20161205-003

นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภายหลังจากเข้าซื้อกิจการของบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เสร็จสิ้นและเปลี่ยนชื่อมาเป็นบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ได้แบ่งโครงสร้างการดำเนินงานออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มธุรกิจดำเนินการระบบขนส่งมวลชน หรือ รถไฟฟ้าบีทีเอสในปัจจุบัน และส่วนต่อขยายในอนาคต กลุ่มธุรกิจให้เช่าพื้นที่โฆษณา (วีจีไอ) กลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มธุรกิจให้บริการ อาทิ ธุรกิจบริหารโรงแรม รับเหมาก่อสร้าง และ e-money

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเน้นธุรกิจหลักเป็นระบบขนส่งมวลชนเพราะรายได้หลักของบริษัทคือการให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส แต่จะพัฒนาอสังหาฯ ตามแนวสายทางรถไฟฟ้าด้วยเช่นกัน

“ในประเทศฮ่องกงโครงการที่อยู่ในแนวรถไฟฟ้าถือเป็นสินทรัพย์ที่ดี (Asset) สร้างรายได้ดีกว่าการเดินรถ สำหรับในประเทศไทยหากสามารถพัฒนาไปพร้อมกับแนวเส้นทางของรถไฟฟ้าได้จะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับโครงการ โดยขณะนี้บีทีเอสมีที่ดินมูลค่า 13,000 ล้านบาทแต่อีก 2 ปีรายได้ที่รีเทิรน์กลับมาบนที่ดินดังกล่าวจะมหาศาล” นายคีรีกล่าว

ดังนั้น บริษัทจึงรุกตลาดอสังหาฯ ควบคู่ไปด้วยเพื่อตอบสนองการใช้ชีวิตของคนกรุงทั้งในปัจจุบันและในอนาคต ภายใต้แบรนด์ “แอ็บสแตร็กส์” พุ่งเป้าหมายไปที่ผู้บริโภคที่ต้องการพักอาศัยในแนวรถไฟฟ้า และกลุ่มนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในธุรกิจให้เช่า โดยจะเป็นการทั้งลงทุนเอง หรือร่วมทุนกับผู้ที่เป็นเจ้าของที่ดินในแนวรถไฟฟ้าก็ได้ หรือ ผู้ที่ต้องการให้แอ็บสแตร็กส์เข้ามาพัฒนาที่ดินให้ หรือแม้แต่ดีเวลล็อปเปอร์ที่เป็นเจ้าของโครงการอสังหาฯอยู่แล้วก็ตามก็สามารถเข้าร่วมลงทุนกับแอ็บสแตร็กส์ได้ด้วย

ด้านนายกวิน กาญจนพาสน์ กรรมการผู้จัดการ กล่าวต่อว่า ในเบื้องต้นมีแผนที่จะเปิดตัว 2 โครงการแรก มูลค่ารวมกว่า 10,000 ล้านบาท ได้แก่ แอ็บสแตร็กส์ พหลโยธิน พาร์ค ที่บริษัทได้ซื้อที่ดินขนาด 21 ไร่ พร้อมสิ่งปลูกสร้างที่สร้างค้างไว้มาจากบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย หรือ บสท. มูลหนี้ที่ซื้อมา 2,000 ล้านบาท จะพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมสไตล์โมเดิร์น 3 อาคาร สูง 34 ชั้น จำนวนรวม กว่า 3,000 ห้อง ราคา 75,000 บาทต่อตร.ม. ขนาด 25.1-66 ตร.ม. มูลค่าโครงการกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าเฟสแรกจะแล้วเสร็จในปี 2554

ส่วน แอ็บสแตร็กส์ สุขุมวิท ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 66/1 ใกล้รถไฟฟ้าอุดมสุข เป็นคอนโดฯ สไตล์โมเดิร์น แบบโลว์-ไรซ์ สูง 5 ชั้น 4 อาคาร จำนวนรวม 112 ห้อง ราคาขายอยู่ที่ 75,000 ตร.ม.เช่นเดียวกัน มีขนาด 36.25-61.36 ตร.ม.มูลค่าโครงการ 380 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จเดือนมิ.ย.2554

ทั้งนี้ บริษัทได้วางกลยุทธ์ตลาดอย่างที่ไม่มีใครเหมือนคือลูกค้าที่ซื้อโครงการแอ็บสแตร็กส์จะสามารถใช้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส เป็นระยะเวลา 10 ปี ซึ่งบัตรนี้ถือเป็นเอกสิทธิ์ของผู้เป็นเจ้าของโครงการแอ็บสแตร็กส์ สามารถขายต่อให้ใครก็ได้ หรือจะโอนสิทธิ์ให้กับผู้เช่าพักอาศัยในกรณีที่ซื้อปล่อยให้เช่า สามารถกำหนดระยะเวลาให้ผู้อื่นใช้สิทธิ์ได้ โดยบัตรมีมูลค่าราวๆ 2 แสนบาท (คิดจากมูลค่าการเดินทาง) นอกจากนั้นบัตรดังกล่าวยังจะใช้เป็นบัตรผ่านสำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกที่จะพัฒนาขึ้นในอนาคตอีกด้วย

อย่างไรก็ดี เนื่องจากโครงการแอ็บสแตร็กส์ พหลโยธิน โครงสร้างได้ถูกทิ้งร้างมาร่วม 10 ปี บริษัทจึงได้ร่วมกับบริษัทชั้นนำในเครือนิวเวิลด์ฮ่องกง คือ บริษัท ฮิบเฮง คอนสตรัคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด พัฒนาและปรับปรุงรวมถึงก่อสร้างด้วย และบริษัทได้ว่าจ้างบริษัทสปา เอ จำกัด ซึ่งได้รับรางวัลการออกแบบสถาปัตยกรรมภายในระดับอินเตอร์เนชั่นแนลประเภทรีสอร์ท โรงแรม มาร่วมออกแบบในโครงการที่สุขุมวิท

“เราเชื่อมั่นว่าแบรนด์แอ็บสแตร็กส์ จะสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับแบรนด์ ยู โฮเทล ที่ปัจจุบันสามารถขยายเครือข่ายได้ถึง 40 แห่งทั่วภูมิภาค”

abstracts-phahonyothin-park20161205-004

บีทีเอสกรุ๊ปชู ‘ซิตี้ โซลูชั่นส์’โมเดลหมื่นล.

ภายหลังจากที่นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท ธนายง จำกัด (มหาชน) ได้เข้าซื้อกิจการรถไฟฟ้าบีทีเอส พร้อมกับเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่ เป็น บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมา นายคีรี พร้อมผู้บริหารก็ออกแถลงข่าวเพื่อฉายภาพของธุรกิจที่จะต้องนำพาต่อไปในอนาคต ซึ่งการกลับมารุกธุรกิจใหม่ของนายคีรี โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ นับเป็นสิ่งที่น่าจับตาอย่างยิ่ง โดยธุรกิจนี้ถูกมอบหมายให้นายกวิน กาญจพาสน์ ลูกชายเป็นคนคุมกองทัพสำคัญ ที่มาพร้อมกับแบรนด์ใหม่ในธุรกิจอสังหาฯ “แอบสแตรกต์”

abstracts-phahonyothin-park20161205-006

abstracts-phahonyothin-park20161205-005

เปิดตัว4ธุรกิจหลัก
ภายหลังจากดำเนินการเปลี่ยนชื่อของบริษัทใหม่แล้ว ในส่วนของโครงสร้างธุรกิจก็มีการปรับใหม่ โดยมีการแยกกลุ่มธุรกิจภายใต้การบริหารของบีทีเอสกรุ๊ป ออกเป็น 4 ธุรกิจหลัก ได้แก่ 1. กลุ่มธุรกิจดำเนินการระบบขนส่งมวลชน ประกอบด้วย รถไฟฟ้าบีทีเอสในปัจจุบัน และส่วนเชื่อมต่อขยายในอนาคต รวมถึง การได้รับสัมปทานในการบริหารจัดการและการเดินรถโดยสารด่วนพิเศษบีอาร์ที 2. กลุ่มธุรกิจให้เช่าพื้นที่โฆษณา (วีจีไอ) ซึ่งอยู่ในพื้นที่บีทีเอส และบริเวณร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ทั่วไป อาทิ เทสโก้ โลตัส คาร์ฟูร์ บิ๊กซี และวัตสัน รวมถึง การโฆษณาภายในอาคารและสำนักงานต่างๆ 3. กลุ่มธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีทั้งการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในแนวเส้นทางรถไฟฟ้า และการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ทำเลทองอื่นๆ เช่น ธนาซิตี้ บางนา-ตราด กม.14 เขาใหญ่ และภูเก็ต และ 4. กลุ่มธุรกิจให้บริการ อาทิ ธุรกิจบริหารโรงแรม ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง และธุรกิจ อี-มันนี่ (e-money) ซึ่งเป็นบริการระบบการใช้จ่ายในระดับย่อยแบบ e-payment โดยได้พัฒนาระบบตั๋วร่วมระหว่างรถไฟฟ้าบีทีเอส รถไฟฟ้าเอ็มอาร์ที และรถโดยสารด่วนพิเศษบีอาร์ที ซึ่งสามารถขยายไปสู่ระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ รวมถึง ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจบริการ และการท่องเที่ยวได้ โดยคาดว่าจะเริ่มให้บริการได้กลางปี 2554

abstracts-phahonyothin-park20161205-007

 

ชูแนวคิด “ซิตี้ โซลูชั่นส์”
การที่กลุ่มบีทีเอส มี 4 ธุรกิจหลัก นายคีรี ได้วางเป้าหมายที่จะนำธุรกิจทั้งหมดมาผสมผสานและเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน ภายใต้แนวคิด “ซิตี้ โซลูชั่นส์” ที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนเมืองในยุคปัจจุบัน นับตั้งแต่การอยู่อาศัยภายในโครงการของบริษัทที่จะพัฒนาขึ้นมา การเดินทางด้วยระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน หรือ บีทีเอส การใช้บัตรสมาร์ทการ์ดที่เชื่อมโยงกับธุรกิจที่มีอยู่ทั้งหมดภายใต้บัตรใบเดียว เพราะในอนาคตจะมีการพัฒนาและให้บริการอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ฟิสเนส ช็อปปิ้งเซ็นเตอร์ โรงแรม สปา เป็นต้น ยังไม่นับกับแนวทางการไปร่วมมือกับผู้ประกอบการรายอื่นๆ ที่จะเกิดขึ้นด้วย ขณะที่ระบบตั๋วร่วม ด้านการขนส่งมวลชนที่บริษัทได้ไปบันทึกความเข้าใจร่วมกันก่อนหน้านี้ ก็จะทำให้การใช้ชีวิตของคนเมืองในอนาคต สอดคล้องกับแนวคิด “ซิตี้ โซลูชั่นส์” ดังกล่าวได้อย่างลงตัว

ปั้น “แอบสแตรกต์” ลุยอสังหาฯ
สำหรับธุรกิจอสังหาฯ นั้น นายคีรี ได้ยึดแนวคิดตามบริษัทชั้นนำที่ได้รับสัมปทานให้เดินรถไฟฟ้าระบบขนส่งมวลชนจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นในประเทศจีน หรือยุโรป ที่มักจะมีที่ดินตามแนวรถไฟฟ้าอยู่จำนวนมหาศาล และมีการนำที่ดินเหล่านั้นมาเพิ่มมูลค่าให้มากขึ้น ซึ่งคนที่จะมาดูแลในส่วนของธุรกิจอสังหาฯ ก็เป็นลูกชายคนเดียว นายกวิน กาญจนพาสน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีทีเอสฯ
หากประเมินมูลค่าที่ดินของกลุ่มบีทีเอสมีอยู่ในปัจจุบันตามแนวรถไฟฟ้า ก็มีมูลค่ามากกว่า 13,000 ล้านบาท โดยการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภายใต้บีทีเอสกรุ๊ป ได้สร้างแบรนด์ “แอบสแตรกต์” (Abstracts) ที่มีคำว่า BTS ซ่อนอยู่ในชื่อ เป็นแบรนด์หลักในการพัฒนา ซึ่งเบื้องต้นจะเห็น 2 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 10,000 ล้านบาทออกมาในปีนี้ โครงการแรก เป็น “แอบสแตรกต์ พหลโยธิน พาร์ค” คอนโดมิเนียมสูง 34 ชั้น 3 อาคาร รวม 3,000 ยูนิต แต่จะพัฒนาเฟสแรกก่อน 1,000 ยูนิต ราคาขายเฉลี่ย 75,000 บาทต่อตารางเมตร อีกโครงการ คือ แอบสแตรกต์ สุขุมวิท 66/1 ใกล้สถานีรถไฟฟ้าอุดมสุข เป็นคอนโดมิเนียมแบบโลว์ไรส์ สูง 5 ชั้น 4 อาคาร รวม 112 ห้อง ราคาขายเฉลี่ย 75,000 บาทต่อรางเมตร คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนมิถุนายนปีหน้า

แจกบัตรบีทีเอส10ปี
จุดขายสำคัญของโครงการคอนโดมิเนียมของแบรนด์แอบสแตรกต์ คือ การมีโปรโมชันแถมบัตรรถไฟฟ้าบีทีเอสระยะเวลา 10 ปี ที่ทางผู้บริหารประเมินว่ามีมูลค่าประมาณ 2 แสนบาท โดยผู้ซื้อคอนโดมิเนียมสามารถนำไปขายต่อได้อีกด้วย ขณะที่ทำเลที่ตั้งของคอนโดมิเนียมถูกวางไว้ว่าจะต้องมีระยะห่างจากสถานีรถไฟฟ้าไม่เกิน 250 เมตร พร้อมกันนี้ทางผู้บริหารยังเปิดโอกาสให้กับเจ้าของที่ดินที่มีอยู่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้า ที่สามารถเข้าร่วมทุนกับบีทีเอสในการพัฒนาโครงการร่วมกัน หรือจะพัฒนาเองแล้วใช้แบรนด์แอบสแตรกต์ก็ได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขรัศมีของทำเลที่ตั้งต้องไม่เกิน 250 เมตร และต้องใช้แบรนด์ของบริษัทเท่านั้น โดยราคาขายของโครงการที่อยู่ตามแนวรถไฟฟ้าจะอยู่ในเกณฑ์เฉลี่ย 70,000-100,000 บาทต่อตารางเมตร
เป้าหมายด้านรายได้ของกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทางบีที
เอสกรุ๊ป มองว่าน่าจะมีอัตราการเติบโต 30% ภายใน 2 ปี หลังจากบริษัททยอยพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์จากที่ดินที่มีอยู่ ขณะเดียวกันก็มีแผนการเปิดธุรกิจโรงแรมในปีนี้ด้วย อีก 3 โครงการ มูลค่ารวม 23,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามแม้ว่าปัจจุบันรายได้หลักของบีทีเอสกรุ๊ปจะมาจากธุรกิจระบบขนส่งมวลชน ซึ่งรายได้จากธุรกิจอสังหาฯ คงเริ่มเห็นเข้ามาชัดเจนในอีก 2 ปีข้างหน้า และในอนาคตคงจะมีสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน และสามารถเสริมรายได้ซึ่งกันและกัน
แม้ว่าวันนี้กลุ่มบีทีเอสกรุ๊ป จะได้รับบริการเดินรถเพียง 25.7 กิโลเมตร แต่ในอนาคต นายคีรีก็มีความหวังว่าจะได้มีโอกาสที่จะบริหารการเดินรถเพิ่มมากขึ้นกว่านี้ พร้อมกับยืนยันถึงความพร้อมที่จะเข้าบริหารหรือลงทุนในทุกรูปแบบกับเส้นทางส่วนต่อขยาย รอเพียงความชัดเจนของทางภาครัฐเท่านั้นว่าจะดำเนินนโยบายเหล่านี้อย่างไร เพราะเชื่อมั่นในศักยภาพของบริษัทว่าสามารถทำได้ ซึ่งไม่เฉพาะแต่ในประเทศไทยเท่านั้น
ฝันไกลของนายคีรียังหวังที่จะเข้าบริหาร หรือลงทุนก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าในต่างประเทศด้วย ซึ่งตอนนี้ก็ได้มองไว้ในหลายประเทศ ทั้งเวียดนาม อินเดีย มาเก๊า

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,531 16-19 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

 

ลงทะเบียนรับส่วนลดพิเศษ
25 มิถุนายน-15 กรกฎาคม 2553

abstracts-phahonyothin-park20161205-008

abstracts-phahonyothin-park20161205-009
ไปดูโครงการที่สถานที่จริงมาแล้ว จนท.ขายโครงการเล่าว่า จะมีBTS ผ่านหน้าโครงการ ชื่อสถานีหอวัง
มีทางเชื่อมจากสถานีมาถึงห้างโลตัสเลย เดินนิดเดียวถึงโครงการ (ไม่รู้จะเชื่อดีหรือปล่าว แต่เจ้าของโครงการคือ BTS นะ) แต่ตอนนี้ยังไม่เห็นเป็นรูปเป็นร่างจากรัฐบาล ถ้าชอบเสี่ยงก็ลองดูได้ แต่สวนหน้าโครงการเขาสวยจริงๆ คอนเฟริม

abstracts-phahonyothin-park20161205-010

สำนักงานขายโครงการ

abstracts-phahonyothin-park20161205-011

โครงการตั้งอยู่หลังโลตัสครับ

abstracts-phahonyothin-park20161205-012

ทางเข้าโครงการใช้ทางร่วมกับห้างโลตัส

abstracts-phahonyothin-park20161205-013 abstracts-phahonyothin-park20161205-014

บรรยากาศภายในโครงการ ร่มรื่นดีครับ

abstracts-phahonyothin-park20161205-015

นี่เป็นอาคารตึกที่ขายครับ กำลังตกแต่งกันอยู่

abstracts-phahonyothin-park20161205-016

ส่วนตึกที่สองยังไม่ขายครับรอ ตึกแรกขายหมดก่อน

abstracts-phahonyothin-park20161205-017

บรรยากาศสวนหน้าโครงการ ส่วน landscape ค่อนข้างสมบูรณ์แล้ว จัดได้สวยงามดี ส่วนบรรยกาศของ Lobby ภายในก็กำลังตกแต่งอยู่ บรรยากาศโดยรวมถือว่าดีครับ สามารถเยี่ยมชมโครงการได้ที่สถานที่จริงแล้วครับ

abstracts-phahonyothin-park20161205-018

บรรยากาศภายใน และสิ่งอำนวยความสะดวก

abstracts-phahonyothin-park20161205-019

ผังบริเวณ

abstracts-phahonyothin-park20161205-020

แบบห้องพัก

abstracts-phahonyothin-park20161205-021 abstracts-phahonyothin-park20161205-022 abstracts-phahonyothin-park20161205-023 abstracts-phahonyothin-park20161205-024 abstracts-phahonyothin-park20161205-025 abstracts-phahonyothin-park20161205-026

ใบลงทะเบียนข้างในบอกวันและเวลาจองอย่างเป็นทางการ

abstracts-phahonyothin-park20161205-027

ความคิดเห็น