ไนท์แฟรงค์ประเทศไทย เผยทิศทางการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมแนวใหม่ เน้นลูกค้าเป็นหลัก

ไนท์แฟรงค์ประเทศไทยบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของโลกเผยทิศทางการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมแนวใหม่ เน้นบริการลูกค้าเป็นศูนย์กลางและพัฒนาระบบเทคโนโลยีรองรับการทำงานทั้งภายในและการบริการลูกค้า

มร.แฟรงค์ ข่าน กรรมการบริหารและหัวหน้าฝ่ายที่ปรึกษาด้านโครงการที่พักอาศัย บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเปิดตัวโครงการใหม่อาจจะต้องเผชิญกับความท้าทายในตลาด ในปัจจุบันมีบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่หลายรายที่เปิดตัวคอนโดมิเนียมด้วย แนวคิดใหม่ในการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม เพื่อความได้เปรียบในการแข่งขัน ซึ่งจะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและตอบสนองต่อความต้องการและความจำเป็นของลูกค้ามากยิ่งขึ้น โดยเป็นการพัฒนาจากความต้องการของลูกค้าจริงๆ ซึ่งจะมีรูปแบบยูนิตให้เลือกที่หลากหลายและฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ การพัฒนาดังกล่าวจะดึงดูดความสนใจผู้ซื้อคอนโดมิเนียมได้อย่างดี”

 

ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เริ่มหันมาออกแบบคอนโดมิเนียมแนวคิดใหม่เพื่อให้ผู้อาศัยได้รับความสะดวกสบายและยกระดับการใช้ชีวิตภายในโครงการดียิ่งขึ้น อย่างเช่น สิ่งอำนวยความสะดวก พื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ การบริการที่ครบครัน และเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อดึงดูดผู้ซื้อทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ต้องการซื้อเพื่ออาศัยจริงๆ ตัวอย่างเช่น

  • การบริหารโครงการด้วยเครือโรงแรมที่มีชื่อเสียง พร้อมให้บริการเปรียบเสมือนโรงแรมระดับ 5 ดาว อาทิ พนักงานต้อนรับและพนักงานยกกระเป๋า 24 ชั่วโมง ผู้ช่วยส่วนตัว เทรนเนอร์ฟิตเนสส่วนตัว พ่อครัวส่วนตัว บริการซักรีด บริการแจ้งซ่อมฉุกเฉิน บริการปรึกษาแพทย์ รถรับส่ง แม่บ้าน และสปา เป็นต้น
  • สมาร์ทโฮม หรือบ้านอัจฉริยะ ซึ่งสามารถควบคุมระบบแสงสว่าง ระบบเครื่องใช้ไฟฟ้า ระบบเอนเตอร์เทนเม้นท์
  • พื้นที่ออกกำลังกายขนาดใหญ่ ซึ่งถูกออกแบบมาอย่างดี เพื่อรองรับผู้อยู่อาศัยตลอด 24 ชั่วโมง
  • สระว่ายน้ำยาว 50 เมตร ขนาดเทียมเท่าสระว่ายน้ำขนาดโอลิมปิก
  • พื้นที่สีเขียวภายในโครงการ

 


 

แนวคิดคอนโดมิเนียมสมัยใหม่

มร. ข่าน กล่าวเพิ่มเติมว่า “โครงการคอนโดมิเนียมมักจะตั้งอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงย่านธุรกิจและใกล้กับระบบขนส่งมวลชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เส้นรถไฟฟ้าสายหลัก อย่างรถไฟฟ้าสายสีเขียวและรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ที่มีราคาที่ดินสูงขึ้นทุกๆปี แต่หากขยับไปอีกหน่อยตามแนวรถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง พื้นที่นี้ล้อมรอบไปด้วยไลฟ์สไตล์ที่น่าสนใจ จะเห็นได้ว่าโครงการคอนโดมิเนียมย่านนี้ยังคงมีราคาที่ไม่สูงนักและมีคุณภาพดี เมื่อเทียบกับพื้นที่ใกล้เคียง นอกจากนี้รถไฟฟ้าสายสีส้มจะสร้างแล้วเสร็จในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า จึงเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางในย่านนี้มากขึ้น โดยรถไฟฟ้าสายสีส้มเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่สถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย และจะเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเหลืองที่สถานีสำลาลี การเชื่อมต่อดังกล่าวมีผลอย่างมากต่อศักยภาพพื้นที่ของโครงการที่อยู่อาศัยในย่านนี้”

 

 

“นอกเหนือไปจากผู้ซื้อชาวไทยแล้ว ตลาดในต่างประเทศก็เป็นหนึ่งในปัจจัยขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่สำคัญของตลาดคอนโดมิเนียมในประเทศไทย อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าแผนกลยุทธ์การตลาดในต่างประเทศนั้นอาจไม่ได้มีประสิทธิภาพเท่ากับในช่วง 6 ถึง 8 เดือนที่ผ่านมา ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ควรระวังและจับตาดูแผนการตลาดและงบประมาณของแต่ละไตรมาสอย่างใกล้ชิดเมื่อลงทุนในตลาดต่างประเทศ เช่น ฮ่องกง และ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน ประเทศจีน ที่ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มนักลงทุนรายสำคัญที่มีข้อจำกัดด้านการโอนเงินที่เข้มงวด ซึ่งความเข้มงวดทางการเงินเป็นอุปสรรคอย่างมากต่ออุปสงค์ในตลาดจีน”

 

ความคิดเห็น