เซ็นทรัลพัฒนา รุกแพลทฟอร์มใหม่ เปิดตัว ‘เซ็นทรัล วิลเลจ’ ลักชูรี่เอาท์เล็ตระดับโลก ที่สุดในไทย

– ลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาท ตั้งเป้าเปิดให้บริการไตรมาส 3 ปี 2562

– รุกตลาดใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์ชอบช้อปแบรนด์ดัง รู้จักใช้เงิน เปรียบเทียบความคุ้มค่า

– หนุนทำเลทองใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศที่ชื่นชอบแบรนด์เนม

 

กรุงเทพฯ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น ผู้นำด้านการพัฒนาศูนย์การค้าของประเทศ ปั้นแพลตฟอร์มและแบรนด์ใหม่ ประกาศเปิดตัว ‘เซ็นทรัล วิลเลจ’ (Central Village – Bangkok Outlet Experience)   ปักธงลักชูรี่เอาท์เล็ตมาตรฐานระดับโลกที่สมบูรณ์แบบที่สุดครั้งแรกในไทย  ยึดทำเลทองใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ ชูไทยเป็นจุดหมายปลายทางแห่งการช้อปปิ้งของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยร้านค้ากว่า 235 ร้านค้า ทั้งแบรนด์ชั้นนำระดับโลกและแบรนด์ไทย ด้วยส่วนลด 35-70% ทุกวันตลอดปี พร้อมการออกแบบในสไตล์ไทยโมเดิร์นผสมผสานความร่มรื่นของธรรมชาติ จับเซ็กเมนต์ใหม่กลุ่ม Young Affluent ที่เป็นนักช้อปแบรนด์เนมในเอเชีย หวังดึงดูดนักช้อปแบรนด์เนมชาวไทยและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ครบครันทั้งร้านอาหาร โรงแรม จุดบริการนักท่องเที่ยว ตอบโจทย์ทุกกลุ่มเป้าหมาย พร้อมดึงบริษัทที่ปรึกษาเอาท์เล็ทระดับโลกเพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้วงการ คาดเปิดให้บริการไตรมาส 3 ปี 2562

 

วัลยา จิราธิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจและโครงการ บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า “การเปิดตัว ‘เซ็นทรัล วิลเลจ’ ซึ่งเป็นรูปแบบแฟลตฟอร์มใหม่นี้ ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้ง ลักชูรี่เอาท์เล็ตที่แท้จริงที่เมืองไทยยังไม่เคยมีมาก่อนถือเป็น New Shopping Platform ขึ้นเป็นครั้งแรก ซึ่งการมีลักชูรี่เอาท์เล็ตจะเป็นการเติมเต็มการช้อปปิ้งในเมืองไทยให้ครบทุกมิติ ทั้งรูปแบบศูนย์การค้าครบวงจร และแบบลักชูรี่เอาท์เล็ต สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐที่จะสร้างให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางแห่งการท่องเที่ยวและช้อปปิ้งของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สมบูรณ์แบบ โครงการนี้ใช้งบลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาท พื้นที่โครงการ (GLA) 40,000 ตร.ม. บนที่ดิน 100 ไร่ ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ โดย เซ็นทรัล วิลเลจถือเป็นหนึ่งใน key strategic move ที่จะเป็นแบรนด์ใหม่ใน portfolio ของซีพีเอ็นที่จะตอกย้ำการเป็นหนึ่งใน Global Player ในเอเชีย โดยจะเปิดให้บริการไตรมาสที่ 3 ปี 2562”

 

 

ปกรณ์ พรรธนะแพทย์  รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานปฏิบัติการ กล่าวว่า “ผมเชื่อมั่นว่า เซ็นทรัล วิลเลจ จะสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งลักชูรี่เอาท์เล็ตที่แท้จริงของเมืองไทยให้เกิดขึ้นได้เป็นครั้งแรกด้วยจุดเด่นแตกต่าง 4 ประการ คือ

 

หนึ่ง คือ ความหลากหลายของลักชูรี่แบรนด์ ทั้งไทยและเทศระดับโลกกว่า 235 แบรนด์ ด้วยสินค้าหลากหลายทั้งแฟชั่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องใช้ในครัว ของเล่น อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน เสริมความครบครันด้วยลักชูรี่แบรนด์และสินค้าต่างๆ ของกลุ่มเซ็นทรัล เพื่อตอบสนองความต้องการคนทุกเพศทุกวัยทุกสัญชาติ

สอง คือ ราคา ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของการช้อปปิ้งลักชูรี่เอาท์เล็ต ด้วยส่วนลด 35-70% ที่มีทุกวัน ที่ถูกกว่า และไม่ต้องรอ Seasonal Sale หรือไปช้อปต่างประเทศ

สาม คือ การให้บริการที่มุ่งเน้น Customer Centric มีบริการหลากหลายครบวงจรเทียบเท่าศูนย์การค้า รวมถึง facility ที่ครบครัน อาทิ ร้านอาหาร, จุดบริการนักท่องเที่ยว, playground, โรงแรม, และซูเปอร์มาร์เก็ต

สี่ คือ ทำเลที่ตั้ง ที่ใกล้สุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นสนามบินที่ติดอันดับ 1 ที่มีจำนวนผู้โดยสารมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือกว่า 55 ล้านคนในปี 2560 และติด 1 ใน 10 อันดับของสนามบินที่มีจำนวนผู้โดยสารมากที่สุดในเอเชีย* และในปี 2563 คาดการณ์ว่า ส่วนขยายของสนามบินจะทำให้รองรับผู้โดยสารได้เป็น 60 ล้านคนต่อปี”

 

 

คุณปกรณ์ กล่าวเสริมว่า “เรากำลังสร้าง New Shopping Platform ที่จะตอบโจทย์เทรนด์การเติบโตของกลุ่มคนรักสินค้าแบรนด์เนมมีแนวโน้มสูงขึ้นในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งเกิดจากกำลังซื้อที่เพิ่มสูงขึ้นของกลุ่ม Young Affluent  ซึ่งเป็นเซ็กเมนต์ใหม่ที่กำลังเป็นที่จับตามองของแบรนด์เนมจากทั่วโลก โดยผู้บริโภคกลุ่มนี้มีอายุไม่มากนัก ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว กลุ่มเป้าหมายนี้จะมีลักษณะเป็น นักช้อปที่ฉลาด (Smart Shopper) ชอบซื้อสินค้าที่มีคุณภาพคุ้มค่าคุ้มราคา (Quality Seeker) อีกทั้งต้องการมอบรางวัลให้ตนเอง (Self-rewarding) และแสดงสถานะของตนเองในสังคม (Status Hunter) นอกจากนี้ เราตั้งเป้าให้มีแบรนด์ไทย เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยในระดับนานาชาติ ทำให้ผู้บริโภคจากทั่วโลกได้ทดลองใช้แบรนด์ต่างๆ เพื่อให้ผู้บริโภค ‘From Like to Love’ เพื่อเปลี่ยนลูกค้ากลุ่มนี้เกิด Brand Loyalty ต่อแบรนด์ต่างๆ ได้ในอนาคตอีกด้วย

 

คุณวัลยา กล่าวเสริม “สำหรับประเทศไทย เรามองเห็นศักยภาพของตลาดกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อที่ชอบเดินทางต่างประเทศ ชอบช้อปแบรนด์ดังระดับโลก และเทรนด์การเติบโตของกลุ่มคนรักสินค้าแบรนด์เนมซึ่งมีแนวโน้มสูงขึ้นในเอเชีย ผนวกกับความเชี่ยวชาญของซีพีเอ็นในการพัฒนาศูนย์การค้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งในลักษณะ outdoor mall ที่ประสบความสำเร็จ เช่น เซ็นทรัลเฟสติวัล อีสต์วิลล์ ที่มีพื้นที่สีเขียว ร่มรื่น เดินได้สะดวกสบาย เราจะสร้างประสบการณ์การช้อปลักชูรี่เอาท์เล็ตระดับโลกครั้งแรกของเมืองไทย ด้วยดีไซน์ในรูปแบบสถาปัตยกรรมในสไตล์ไทยโมเดิร์นผสานความร่มรื่นของธรรมชาติกับการใช้พื้นที่เอาท์ดอร์ได้อย่างลงตัว เพื่อการมาเยือนครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การมาช้อปปิ้ง แต่ยังได้บรรยากาศการพักผ่อนพร้อมเพลิดเพลินกับการเซลฟี่มุมสวยๆ นอกจากนี้ เรายังได้บริษัทที่ปรึกษาเอาท์เล็ตระดับโลกมาช่วยพัฒนาโครงการนี้ ซึ่งมีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในการพัฒนาเอาท์เล็ตระดับโลกในประเทศต่างๆ อาทิ ญี่ปุ่น ไต้หวัน เป็นต้น” 

*ข้อมูลจาก World Top Airports

 

 

“สำหรับกลุ่มเป้าหมายหลักนั้น เราจะแบ่งเป็นคนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยทั่วประเทศ รวม 65% และ กลุ่มนักท่องเที่ยว 35% โดยในปี 2560 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากถึง 35 ล้านคนมายังประเทศไทย ซึ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เป็นกลุ่มหลักที่ชอบเดินทางท่องเที่ยว และมีการใช้จ่ายสูงระหว่างเดินทาง รวมถึงนักท่องเที่ยวใน AEC ที่เป็นกลุ่มที่เดินทางมาประเทศไทยเป็นอันดับต้นๆ โดยทำเลที่ตั้งใกล้สุวรรณภูมิที่สามารถเดินทางมาได้สะดวก ซึ่งจะเป็น A Must Visit Shopping Destination to complete your trip จุดเช็คอินที่นักท่องเที่ยวต้องแวะช้อปทุกครั้งก่อนเข้าเมืองหรือเดินทางกลับเข้าสนามบิน ตั้งเป้าว่าจะดึงดูดนักช้อปทั้งชาวไทยและต่างชาติให้มาใช้บริการกว่า 6 ล้านคนต่อปี เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจไทยให้เป็นหนึ่งใน World Class Shopping Destination ของภูมิภาคนี้” คุณปกรณ์ กล่าว

 

คุณวัลยา กล่าวทิ้งท้ายว่า “เรามุ่งเน้นที่จะสร้าง unique experience ที่คนไทยและนักท่องเที่ยวต้องมาเยือน เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิเพียง 10 นาที คนกรุงเทพฯ สามารถเดินทางไปได้ในระยะที่พอดี จากในเมืองประมาณ 45 นาทีด้วยทางด่วน และถนนสายหลักหลายสาย นักท่องเที่ยวสะดวกยิ่งกว่า สามารถแวะช้อปก่อนเข้าเมือง หรือก่อนกลับไปสนามบินได้ อีกทั้งเป็นเกตเวย์สู่ภาคตะวันออกด้วยจำนวนรถยนต์ที่วิ่งผ่านบนถนนบางนา-ตราด ต่อวัน กว่า 200,000 คัน หรือ คิดเป็นกว่า 75 ล้านคัน ต่อปี และสามารถเดินทางมาจากพัทยาได้ 75-90 นาที พร้อมด้วยแผนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐทั้งส่วนต่อขยายของสนามบินสุวรรณภูมิ และโครงการรถไฟฟ้า นอกจากนี้ เรายังสร้างประสบการณ์ที่หาไม่ได้จากการช้อปลักชูรี่เอาท์เล็ตที่อื่นในโลก ด้วยบรรยากาศและการให้บริการแบบไทยอันเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวทั่วโลก”

 

 

โครงการ เซ็นทรัล วิลเลจ the First International Luxury Outlet in Thailand จะเปิดปรากฏการณ์ใหม่ของการช้อปปิ้งลักชูรี่เอาท์เล็ตมาตรฐานระดับโลกที่สมบูรณ์แบบครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อให้เป็นสวรรค์แห่งการช้อปปิ้งแห่งใหม่ของ      คนไทยและนักท่องเที่ยวทั่วโลก และทำให้ประเทศไทยกลายเป็นจุดหมายปลายทางแห่งการท่องเที่ยวและการช้อปปิ้งของ Southeast Asia อย่างแท้จริง โดยจะมีร้านค้ากว่า 235 ร้านค้า ร่วมด้วยร้านอาหารต่างๆ โรงแรม สนามเด็กเล่น ในบรรยากาศอันร่มรื่นของธรรมชาติผสานกับพื้นที่เอาท์ดอร์ ด้วยการตกแต่งในสไตล์ไทยร่วมสมัย ที่จะสร้างประสบการณ์ช้อปปิ้งลักชูรี่แบรนด์ ในราคาที่ลดแบบคาดไม่ถึง ได้ทุกวัน

 

 

ความคิดเห็น