สิงห์ เอสเตท เปิดแผนปี60 เตรียมเปิด 3 โครงการใหม่ระดับ Super Luxury

สิงห์ เอสเตท เปิดแผนปี 60 จับตลาดบน ทุ่มงบลงทุนกว่า 15,000 ลบ. เตรียมเปิด 3 โครงการใหม่ระดับ Super Luxury

singha-complex-20170125-001

 

นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมาสิงห์ เอสเตท ได้ดำเนินการตามแผนงานที่วางเอาไว้ในแต่ละเซกเมนต์ ทั้งการขยายความเป็นผู้นำในตลาดซูเปอร์ลักชัวรี่ และการลงทุนในธุรกิจที่มุ่งเน้นทั้งธุรกิจโรงแรม ที่พักอาศัย และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่ารวมทั้งพื้นที่ค้าปลีก ส่งผลให้บริษัทฯ มีผลกำไรขั้นต้นในช่วง 9เดือนแรกของปี2559 เพิ่มขึ้น492 ลบ. หรือกว่า 7 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อน”

“ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2560 มีแน้วโน้มที่ดี ทั้งสภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และปัจจัยจากการลงทุนของภาครัฐ ประกอบกับโครงการใหม่ของสิงห์ เอสเตทในปีนี้ทั้งที่พักอาศัยระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ ธุรกิจอาคารสำนักงานและพื้นที่ให้เช่า รวมทั้งธุรกิจโรงแรมทั้งในและต่างประเทศ ล้วนแล้วแต่เป็นโครงการคุณภาพและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าซึ่งเราเชื่อมั่นว่าทั้งหมดจะช่วยผลักดันและสร้างการเติบโตให้กับ สิงห์ เอสเตท ได้แบบก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่อง” นายนริศ กล่าว

ในส่วนของคอนโดมิเนียมและที่พักอาศัย ปี60 สิงห์ เอสเตท มีแผนเปิดตัว 3 โครงการใหม่ในระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ ได้แก่

1. คอนโดมิเนียม The Esse at Singha Complex ที่ตั้งอยู่ภายในโครงการ Singha Complex บริเวณแยกอโศก–เพชรบุรี

สำหรับรายละเอียดเบื้องต้นโครงการ The Esse at Singha Complex มูลค่าโครงการ 4,500 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียมสูง 39 ชั้น 1 อาคาร บนเนื้อที่กว่า 2 ไร่ จำนวน 319 ยูนิต แบบห้องพัก 1-2 ห้องนอน และเพนท์เฮ้าส์ ขนาด 34.75-215.50 ตารางเมตร เตรียม เปิดขายมีนาคม 2560

2. โครงการคฤหาสน์ระดับ 6 ดาว บนถนนประดิษฐ์มนูธรรม (เลียบทางด่วนเอกมัย–รามอินทรา)

3. คอนโดมิเนียมระดับ Super Luxury ติดสถานีรถไฟฟ้า BTS ทองหล่อ หัวมุมปากซอยสุขุมวิท 36

 

ภาพโครงการ The Esse at Singha Complex คอนโดมิเนียมระดับ Super Luxury (Tower ด้านขวา) ภายในโครงการ Singha Complex

singha-complex-20170125-002

singha-complex-20170125-003

 

นอกจากนี้ สิงห์ เอสเตท ยังมีผลประกอบการที่ดีในธุรกิจโรงแรม โดยในปีนี้บริษัทฯยังคงนโยบายเดินหน้าขยายธุรกิจไปในกลุ่มโรงแรมที่มีศัยภาพในการเติบโต โดยมีทีมงานที่มีความรู้ความสามารถรอบด้านเพื่อเข้าซื้อกิจการหรือร่วมทุนกับพันธมิตร โดยล่าสุดได้ร่วมทุนซื้อโรงแรมในสหราชอาณาจักรเพิ่มอีก3แห่ง ทำให้บริษัทเป็นเจ้าของโรงแรมรวม 29แห่งในอังกฤษ และ สก็อตแลนด์ส่วนในประเทศมีแผนพัฒนาห้องพักเพิ่มที่โรงแรมสันติบุรี รวมทั้งเดินหน้าสร้างแบรนด์สันติบุรี เพื่อเพิ่มรายได้และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกิจ ขณะที่โรงแรมพีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ บีช รีสอร์ท มีการปรับปรุงห้องพัก รวมทั้งพื้นที่ส่วนกลางใหม่ทั้งหมด โดยคาดว่าปีนี้ จะเป็นอีกหนึ่งปีที่ธุรกิจโรงแรมน่าจะมีผลประกอบการที่ดีต่อเนื่องจากปี2016 โดยที่ผ่านมาทำรายได้ 9 เดือนมากกว่า 730 ลบ.ซึ่งสูงขึ้น 37% จากปี 2015

ทั้งนี้ บมจ.สิงห์ เอสเตท ยังได้รับเลือกให้เป็นผู้บริหารโครงการเมกะโปรเจกท์ที่ประเทศมัลดีฟส์ โดยเป็นโครงการก่อสร้างสถานที่ท่องเที่ยวขนาดใหญ่ บนพื้นที่ 7 ตร.กม. ซึ่งในอนาคตจะมีการพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางการพักผ่อนที่ใหญ่ และทันสมัยที่สุดในมัลดีฟส์ ประกอบด้วย โรงแรม มารีน่า บีชคลับ ร้านค้าปลอดภาษี เป็นต้น

“ปัจจุบันสิงห์ เอสเตทมีโครงการที่พักอาศัยของบริษัท 4 โครงการโครงการของเนอวาน่า 14 โครงการโครงการโรงแรม 2 แห่งในไทยและ29แห่งในสหราชอาณาจักร อีกทั้งยังมีอาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีก 2โครงการและเรายังมองไปถึงธุรกิจใหม่ๆ อาทิ ธุรกิจคลังสินค้า และโลจิสติกส์ จากภาพรวมโครงการที่มีศักยภาพและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้า รวมถึงการคัดเลือกพันธมิตรทางธุรกิจที่มีศักยภาพดี และการวางรากฐานองค์กรภายใต้หลักบรรษัทภิบาล เราเชื่อว่าจะสามารถสร้างการเติบโตให้กับ สิงห์ เอสเตท ได้แบบก้าวกระโดดและผลักดันบริษัทฯ ให้เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำที่มีความแข็งแกร่งครบวงจรและเติบโตอย่างก้าวกระโดด แต่มั่นคง และยั่งยืนต่อไป” นายนริศ กล่าวทิ้งท้าย

ที่มา สิงห์ เอสเตท
วันที่ 26 มกราคม 2560

ความคิดเห็น