สิงห์ เอสเตท เปิดแผนปี60 เตรียมเปิด 3 โครงการใหม่ระดับ Super Luxury
สิงห์ เอสเตท เปิดแผนปี 60 จับตลาดบน ทุ่มงบลงทุนกว่า 15,000 ลบ. เตรียมเปิด 3 โครงการใหม่ระดับ Super Luxury
นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมาสิงห์ เอสเตท ได้ดำเนินการตามแผนงานที่วางเอาไว้ในแต่ละเซกเมนต์ ทั้งการขยายความเป็นผู้นำในตลาดซูเปอร์ลักชัวรี่ และการลงทุนในธุรกิจที่มุ่งเน้นทั้งธุรกิจโรงแรม ที่พักอาศัย และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่ารวมทั้งพื้นที่ค้าปลีก ส่งผลให้บริษัทฯ มีผลกำไรขั้นต้นในช่วง 9เดือนแรกของปี2559 เพิ่มขึ้น492 ลบ. หรือกว่า 7 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อน”
“ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2560 มีแน้วโน้มที่ดี ทั้งสภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และปัจจัยจากการลงทุนของภาครัฐ ประกอบกับโครงการใหม่ของสิงห์ เอสเตทในปีนี้ทั้งที่พักอาศัยระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ ธุรกิจอาคารสำนักงานและพื้นที่ให้เช่า รวมทั้งธุรกิจโรงแรมทั้งในและต่างประเทศ ล้วนแล้วแต่เป็นโครงการคุณภาพและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าซึ่งเราเชื่อมั่นว่าทั้งหมดจะช่วยผลักดันและสร้างการเติบโตให้กับ สิงห์ เอสเตท ได้แบบก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่อง” นายนริศ กล่าว
ในส่วนของคอนโดมิเนียมและที่พักอาศัย ปี60 สิงห์ เอสเตท มีแผนเปิดตัว 3 โครงการใหม่ในระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ ได้แก่
1. คอนโดมิเนียม The Esse at Singha Complex ที่ตั้งอยู่ภายในโครงการ Singha Complex บริเวณแยกอโศก–เพชรบุรี
สำหรับรายละเอียดเบื้องต้นโครงการ The Esse at Singha Complex มูลค่าโครงการ 4,500 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียมสูง 39 ชั้น 1 อาคาร บนเนื้อที่กว่า 2 ไร่ จำนวน 319 ยูนิต แบบห้องพัก 1-2 ห้องนอน และเพนท์เฮ้าส์ ขนาด 34.75-215.50 ตารางเมตร เตรียม เปิดขายมีนาคม 2560
2. โครงการคฤหาสน์ระดับ 6 ดาว บนถนนประดิษฐ์มนูธรรม (เลียบทางด่วนเอกมัย–รามอินทรา)
3. คอนโดมิเนียมระดับ Super Luxury ติดสถานีรถไฟฟ้า BTS ทองหล่อ หัวมุมปากซอยสุขุมวิท 36
ภาพโครงการ The Esse at Singha Complex คอนโดมิเนียมระดับ Super Luxury (Tower ด้านขวา) ภายในโครงการ Singha Complex
นอกจากนี้ สิงห์ เอสเตท ยังมีผลประกอบการที่ดีในธุรกิจโรงแรม โดยในปีนี้บริษัทฯยังคงนโยบายเดินหน้าขยายธุรกิจไปในกลุ่มโรงแรมที่มีศัยภาพในการเติบโต โดยมีทีมงานที่มีความรู้ความสามารถรอบด้านเพื่อเข้าซื้อกิจการหรือร่วมทุนกับพันธมิตร โดยล่าสุดได้ร่วมทุนซื้อโรงแรมในสหราชอาณาจักรเพิ่มอีก3แห่ง ทำให้บริษัทเป็นเจ้าของโรงแรมรวม 29แห่งในอังกฤษ และ สก็อตแลนด์ส่วนในประเทศมีแผนพัฒนาห้องพักเพิ่มที่โรงแรมสันติบุรี รวมทั้งเดินหน้าสร้างแบรนด์สันติบุรี เพื่อเพิ่มรายได้และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกิจ ขณะที่โรงแรมพีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ บีช รีสอร์ท มีการปรับปรุงห้องพัก รวมทั้งพื้นที่ส่วนกลางใหม่ทั้งหมด โดยคาดว่าปีนี้ จะเป็นอีกหนึ่งปีที่ธุรกิจโรงแรมน่าจะมีผลประกอบการที่ดีต่อเนื่องจากปี2016 โดยที่ผ่านมาทำรายได้ 9 เดือนมากกว่า 730 ลบ.ซึ่งสูงขึ้น 37% จากปี 2015
ทั้งนี้ บมจ.สิงห์ เอสเตท ยังได้รับเลือกให้เป็นผู้บริหารโครงการเมกะโปรเจกท์ที่ประเทศมัลดีฟส์ โดยเป็นโครงการก่อสร้างสถานที่ท่องเที่ยวขนาดใหญ่ บนพื้นที่ 7 ตร.กม. ซึ่งในอนาคตจะมีการพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางการพักผ่อนที่ใหญ่ และทันสมัยที่สุดในมัลดีฟส์ ประกอบด้วย โรงแรม มารีน่า บีชคลับ ร้านค้าปลอดภาษี เป็นต้น
“ปัจจุบันสิงห์ เอสเตทมีโครงการที่พักอาศัยของบริษัท 4 โครงการโครงการของเนอวาน่า 14 โครงการโครงการโรงแรม 2 แห่งในไทยและ29แห่งในสหราชอาณาจักร อีกทั้งยังมีอาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีก 2โครงการและเรายังมองไปถึงธุรกิจใหม่ๆ อาทิ ธุรกิจคลังสินค้า และโลจิสติกส์ จากภาพรวมโครงการที่มีศักยภาพและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้า รวมถึงการคัดเลือกพันธมิตรทางธุรกิจที่มีศักยภาพดี และการวางรากฐานองค์กรภายใต้หลักบรรษัทภิบาล เราเชื่อว่าจะสามารถสร้างการเติบโตให้กับ สิงห์ เอสเตท ได้แบบก้าวกระโดดและผลักดันบริษัทฯ ให้เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำที่มีความแข็งแกร่งครบวงจรและเติบโตอย่างก้าวกระโดด แต่มั่นคง และยั่งยืนต่อไป” นายนริศ กล่าวทิ้งท้าย
ที่มา สิงห์ เอสเตท
วันที่ 26 มกราคม 2560