สูตรลับนักลงทุน เทคนิคเตรียมตัวในการกู้ซื้อบ้าน-คอนโดฯ ที่ไม่ค่อยมีใครเขาบอกกันหรอกนะ !!! (ตอนที่ 2)

ความเดิมตอนที่แล้วเราได้บอกวิธีเตรียมตัวในการยื่นกู้สินเชื่อซื้อคอนโดไป คือการหาหลักฐานแสดงรายได้ที่สม่ำเสมอและมั่นคงของเรามาแสดงกับธนาคาร ซึ่งเอาจริงๆแล้วถือว่าเป็นเรื่องพื้นฐานมากๆ ที่ทุกคนควรจะต้องเตรียมตัวให้มีอยู่แล้ว เพราะถ้าเราจะไปขอยืมเงินคนอื่นโดยเราไม่มีเครดิตอะไรเลย คงไม่มีใครกล้าให้ยืมหรอกครับ(จริงไหม?) แต่ถ้าใครยังไม่ได้อ่านตอนแรกนั้น ก็เข้าไปอ่านกันก่อนได้ครับ คลิ๊ก-> สูตรลับนักลงทุน เทคนิคเตรียมตัวในการกู้ซื้อบ้าน-คอนโดฯ (ตอนที่ 1)


 

ผ่านจากตอนที่ 1 แล้ว… ก็มาต่อตอนที่ 2 กันครับ

การจะยื่นกู้สินเชื่อซื้อคอนโดกับธนาคาร นอกจากจะต้องมีหลักฐานรายได้ที่ชัดเจน มั่นคง และเพียงพอแล้ว เราสามารถเสริมความน่าเชื่อถือให้ตนเองได้อีก โดยการสร้างเครดิตหนี้ของตัวเอง หลักการง่ายๆก็คือ ถ้าเรามีหลักฐานว่าเราเคยเป็นลูกหนี้(ชั้นดี) คือมีประวัติหนี้จ่ายครบจ่ายตรงทุกงวดมาก่อน ตรงนี้ก็จะเป็นข้อได้เปรียบที่ธนาคารจะเชื่อถือเรา และพร้อมจะปล่อยกู้ให้เรา มากกว่าคนที่ไม่เคยมีเครดิตอะไรเลยมาก่อน

ซึ่ง “หนี้” ตรงนี้แหละครับที่สำคัญ เพราะมันเป็นเหมือนดาบสองคม คือถ้าเราเคยเป็นลูกหนี้ชั้นดี ไม่มีหนี้คงค้าง หนี้ก็จะเป็นเครดิตให้เรา แต่ถ้าหากเรามีหนี้ แล้วยังจ่ายไม่หมด จากเครดิตจะกลับกลายเป็นภาระในทันที เพราะธนาคารจะเอาภาระตัวนี้ มาคิดหักลบกับรายได้ที่เรามี คำนวณเป็นความสามารถในการผ่อนของเรา ซึ่งจะเอามาคำนวณเป็นวงเงินกู้ที่จะอนุมัติให้เราอีกที จึงอาจจะทำให้วงเงินกู้ที่เราควรจะได้เต็มๆ อาจถูกหักลบจนหร่อยหรอลงไปได้ เพราะฉนั้นแล้วใน ตอนที่ 2 ของ “สูตรลับนักลงทุน เทคนิคเตรียมตัวในการกู้ซื้อบ้าน-คอนโดฯ ที่ไม่ค่อยมีใครเขาบอกกันหรอกนะ” ในวันนี้ เราจึงจะมาคุยกันถึงเรื่องของ“การสร้างเครดิตในการยื่นกู้” ขอสินเชื่อซื้อบ้าน-ซื้อคอนโดกันครับ

 

“หนี้ที่ธนาคารมองเห็น” และ “หนี้ที่ธนาคารมองไม่เห็น” ?

ข้อมูลเครดิตแห่งชาติจำกัด – National Credit Bureau (เครดิตบูโร) คือบันทึกเกี่ยวกับหนี้ส่วนตัวของเรา เป็นข้อมูลเดียวที่ธนาคารสามารถตรวจสอบได้และใช้พิจารณาในการประเมินผู้ยื่นกู้ ซึ่ง “เครดิตบูโร” นี้จึงเปรียบเป็น “หนี้ที่ธนาคารมองเห็น” ได้แก่ หนี้ในระบบ จากสถาบันการเงิน และสินเชื่อต่างๆ เป็นต้น ส่วนอีกอย่างหนึ่งคือ “หนี้ที่ธนาคารมองไม่เห็น” ได้แก่ หนี้ที่อยู่นอกระบบ รวมถึงหนี้ค้างชำระ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ต่างๆ เป็นหนี้ที่ธนาคารไม่สามารถตรวจสอบได้ แต่ก็มีผลกับภาระส่วนตัวในการจ่ายหนี้ของเราเอง (อันนี้ก็ต้องพิจารณาตัวเองกันเอง เพราะหนี้คอนโดเป็นหนี้ระยะยาว คุณต้องทนกับมันไปอีกนาน อย่าเพิ่มภาระจนตัวเองเดือดร้อน)

 

> การสร้างเครดิตให้ดี <

การจะทำให้ธนาคารปล่อยกู้ให้เราง่ายๆ คือเราต้องมีเครดิตที่ดี เป็นลูกหนี้ชั้นดี ดังนั้นสิ่งที่เราต้องทำคือเราต้องสร้างหนี้(ในระบบ) ของตนเองขึ้นมา ยื่นกู้อะไรก็ได้กับสถาบันการเงิน ได้รับการอนุมัติ ชำระให้ตรงทุกงวด และให้ดีก็ชำระให้หมดก่อนยื่นกู้ แล้วธนาคารจะจัดเกรดของเราตามวินัยการใช้หนี้ โดยยึดข้อมูลเครดิตบูโร แบ่งเป็น ลูกหนี้ชั้นดีจ่ายหนี้ตรงเวลา ลูกหนี้ใช้หนี้ไม่ตรงเวลาบ้าง และลูกหนี้ประวัติค้างชำระ ส่วนคนที่ไม่มีข้อมูลอะไรเลย ธนาคารจัดกลุ่มไม่ได้ คุณก็ต้องลุ้นเอาเองว่าธนาคารจะใจดีปล่อยกู้ให้คุณหรือไม่

– วิธีง่ายที่สุด

คือการสมัครบัตรเครดิตสักใบ แล้วสร้างประวัติโดยการใช้จ่าย และชำระให้เต็มวงเงินทุกเดือน อย่าจ่ายแค่ขั้นต่ำ ห้ามมีหนี้คงค้าง เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 6 เดือนขึ้นไป ให้เปิดง่ายๆก็เลือกธนาคารที่คุณมีบัญชีเงินเดือนอยู่ หรือเลือกเป็นพวกบัตรกดเงินสดก็ได้

ประวัติบัตรเครดิต ธนาคารจะตรวจสอบแบบมองภาพรวมย้อนหลัง 6 เดือน ดังนั้น การจ่ายบัตรเครดิตแบบไม่ให้เสียประวัติ ควรจ่ายให้เต็มวงเงินทุกเดือน อย่างน้อย 6 เดือน เพราะหากเราจ่ายขั้นต่ำมาบ่อยๆ แม้เดือนสุดท้ายเราจะจ่ายเต็มครบแล้ว แต่ธนาคารจะเอา 5 เดือนก่อนหน้า มาคิดหักความสามารถในการผ่อนอยุู่ดี ต่อให้ใช้จ่ายแค่ไหน หากเราจ่ายเต็มทุกเดือน หนี้ของเราก็จะเป็น 0 ดังนั้นถ้าก่อนยื่นกู้ 6 เดือน เราไม่สามารถผ่อนบัตรเครดิตให้เต็มวงเงินตลอดได้ ก็แนะนำให้ปิดบัญชีบัตรนั้นไปก่อน แล้วค่อยยื่นกู้ครับ และถ้าหลังยื่นกู้แล้ว ยังต้องการสมัครบัตรเครดิตอีก ก็ให้ทำได้ทันทีในระยะ 1 เดือน เพราะข้อมูลการยื่นกู้คอนโดจะยังไม่อัปเดตในเครดิตบูโร การขอสมัครบัตรเครดิตก็จะได้ไม่ยากครับ

 

– เคลียหนี้ในระบบให้หมด ก่อนยื่นกู้

ไม่ว่าคุณจะติดผ่อนอะไรอยู่ ถ้าไม่อยากให้เป็นภาระในการผ่อนของเรา ควรชำระหนี้ให้หมดก่อนยื่นกู้ เพราะธนาคารจะเอาประวัติทุกอย่างมาหักลบกับรายได้ของเรา ทำให้วงเงินที่จะได้ต่ำลงตามความสามารถการผ่อนของเรา ดังนั้นโปะได้ก็โปะเลยครับ หรือไม่อาจใช้วิชามาร โดยการเปลี่ยนหนี้ในระบบเป็นหนี้นอกระบบ เช่น ยืมเงินจากญาติ พี่ น้อง มาจ่ายหนี้ในระบบให้หมด แล้วค่อยไปผ่อนกับญาติแทน (ขอเตือนว่าต้องพิจารณาตัวเองด้วยนะครับ ว่ารับผิดชอบจุดๆนี้ไหวหรือไม่) ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่ามีหนี้เก่า แล้วจะยื่นกู้สินเชื่อใหม่ไม่ผ่านนะครับ แค่เป็นภาระที่ทำให้อนุมัติวงเงินต่ำลง แต่หากภาระมากๆก็อาจไม่ผ่านได้เหมือนกัน

การมีหนี้เหลือไม่เป็นไร แต่ระวัง อย่าให้มีการค้างชำระหนี้ นะครับ เพราะการมีประวัติค้างชำระหนี้ขึ้นในเครดิตบูโร ธนาคารอาจพิจารณาและจัดให้เราเข้าข่ายติด Black list ได้ (เป็นการพิจารณาจากธนาคารนะครับ ไม่ได้ขึ้นโดยเครดิตบูโร) ซึ่งประวัติหนี้เสียจะทำให้การอนุมัติปล่อยเงินกู้ของเราผ่านยากขึ้น แถมประวัติหนี้เสียต่างๆนี้จะคงอยู่กับเราไปถึง 2 ปีเลยนะครับ

– การค้ำประกันบุคคลอื่น

การเป็นผู้ค้ำประกันให้กับบุคคลอื่น ถือเป็นความเสี่ยงอย่างหนึ่ง เพราะเราไม่สามารถควบคุมให้ผู้กู้จ่ายหนี้ตรงเวลาได้ ถ้าโชคดีก็ดีไป แต่ถ้ามีปัญหาผู้กู้ที่เราค้ำให้จ่ายไม่ตรงเวลา หรือติด Black list ข้อมูลนี้จะไปขึ้นในเครดิตบูโรของเราทันที กลายเป็นความเสี่ยงต่อการได้รับพิจารณาอนุมัติสินเชื่อของเราได้

– ไม่ควรยื่นขอดูเครดิตบูโรบ่อยๆ

ทุกครั้งที่มีการยื่นขอสินเชื่อใดๆก็ตาม จะต้องมีการตรวจสอบเครดิตบูโรของเรา ซึ่งข้อมูลการขอดูเครดิตบูโรจะปรากฎให้เห็นภายใน 30-45 วันหลังการยื่น ถ้าธนาคารเห็นว่ามีการขอดูเครดิตบูโรบ่อยๆ อาจส่งผลต่อการพิจารณาปล่อยสินเชื่อของเราได้ เทคนิคที่แนะนำก็คือ ให้ยื่นขอสินเชื่อไปเลยพร้อมๆกันหลายๆที่ เพื่อยังไม่ให้ประวัติขึ้นในเครดิตบูโรของเรา

 

– ความน่าเชื่อถือด้านอื่นๆ

เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของบริษัทของคุณ คือบ.ต้องจดทะเบียณถูกต้อง จ่ายภาษีถูกต้อง มีระบบจ่ายเงินเดือน payroll มีการจ่ายประกันสังคม มีหลักฐานรับรองเงินเดือนชัดเจน ส่วนตัวผู้กู้ก็ต้องมีประวัติเสียภาษีถูกต้องทุกปี ไม่เคยมีค้างชำระหนี้ ทำงานมาอย่างน้อย 2 ปี มีการเดินบัญชีที่ไม่ผิดปกติ รวมถึงบางครั้งผู้กู้อาจต้องแสดงเงินเก็บและทรัพย์สินอื่นๆที่คุณมี เพราะธนาคารอาจขอดูเพื่อตรวจสอบฐานะความมั่นคงของตัวคุณอีกด้วย(อันนี้แล้วแต่ธนาคารนะครับ บางแห่งก็ไม่สนใจทรัพย์สิน)

และสุดท้ายจะกู้ซื้อคอนโดผ่านหรือไม่ บางครั้งก็เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของ Developer ด้วยนะครับ หากเป็น Developer รายใหญ่ที่มีชื่อเสียง ได้รับความน่าเชื่อถือ หรืออาจมีพันธะสัญญาบางอย่างกับธนาคาร การยื่นกู้ก็จะอนุมัติง่ายขึ้น หรืออาจจะได้วงเงินที่สูงขึ้นนะครับ

 

 

ทั้งหมดนี้ก็คือเทคนิคและความรู้ทั้งหมด ที่ทาง KOBKID.com ได้รวบรวมมาให้ เกี่ยวกับการสร้างเครดิตที่ดีให้ตนเอง ในการเตรียมตัวยื่นกู้ขอสินเชื่อซื้อบ้าน-คอนโด หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับผู้สนใจทุกท่านนะครับ ลองทำตามคำแนะนำเหล่านี้ของเราดู การกู้ซื้อคอนโดของท่านก็น่าจะไม่ยากเกินไปแล้วล่ะครับ จะเหลือก็แต่เพียงเรื่องที่จะประเมินตนเองได้ยังไงว่า มีเงินเท่านี้จะกู้ได้เท่าไหร่? หรือ ทำยังไงให้กู้ได้วงเงินสูงๆ?

คำถามเหล่านี้ เราจะมาตอบให้ในตอนต่อไป เตรียมตัวติดตามกันได้ เร็วๆนี้… ครับ^^

ความคิดเห็น