คิง เพาเวอร์สาขารางน้ำ ปรับโฉมใหม่ ทุ่มงบ 2.5 พันล้าน ภายใต้คอนเซปต์ “Explore Endless Journey”
บริษัท คิง เพาเวอร์ (King Power) ปรับโฉมใหม่ล้ำกว่าเดิม ล่าสุดได้จัดงาน “Grand Opening The New King Power Rangnam : Explore Endless Journey” เปิดตัวร้านค้าปลอดภาษี ดึงฟ่าน ปิง ปิง เป็นพรีเซนเตอร์คนใหม่ ทั้งยังมีแก้ม The Star มาปล่อยเสียงอันทรงพลังในงานอีกด้วย
นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า บริษัทได้ใช้งบลงทุน 2,500 ล้านบาท ปรับปรุงคิง เพาเวอร์ รางน้ำ บนเนื้อที่ 15 ไร่ ถือเป็นการพลิกโฉมครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 28 ปี เพื่อเป้าหมายการเป็นร้านค้าปลอดภาษีหรือดิวตี้ฟรีคอมเพล็กซ์ อันดับ 5 ของโลก เพื่อรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่เข้ามาใช้บริการคิง เพาเวอร์ ภายใต้แนวคิด “Explore Endlessly”
การปรับโฉมอาคารครั้งนี้เน้นโครงสร้างที่โดดเด่นและสวยสะดุดตา มีพื้นที่ใช้สอยเอนกประสงค์มากขึ้น และได้นำสินค้าใหม่ๆ เข้ามาจำหน่าย นอกจากนี้ยังมีโซนน้ำพุทรง Matrix ที่สูงที่สุดในอาเซียน ขณะนี้ที่ระดับความสูง 6 เมตร ความยาว 44 เมตร
การออกแบบภายในมีการจัดโซนใหม่ แบ่งเป็น 3 โซน เพื่อเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ โดยบริเวณชั้น 1 เป็นสินค้าระดับเวิลด์คลาส แบรนด์เนมชั้นนำระดับโลก
ชั้น 2 เป็นโซนนาฬิกาและความงาม “World Watches – World Beauty Items” มีทั้งนาฬิกา เครื่องสำอาง สกินแคร์และน้ำหอมกว่า 100 แบรนด์ทั่วโลก
และชั้น 3 โซน Dinning ร้านอาหารชั้นนำระดับอินเตอร์และศูนย์อาหาร “Thai Taste Hub”
นอกจากนี้ยังมีร้านสตรีทฟู้ดชื่อดังมาให้บริการ พร้อมทั้งไฮไลท์ความบันเทิงที่เป็น Signature ของคิง เพาเวอร์ รางน้ำ คือการระบำสายน้ำด้วยแสง สี เสียง (The Dancing Fountainat The Fountain Square) โซนน้ำพุพร้อมจอ LED เป็นพื้นหลัง โดยจัดแสดงให้ชมฟรีทุกวัน รวมถึงการจัดนิทรรศการจากทั่วโลก ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาจัดกันตลอดทั้งปี ถือเป็นประสบการณ์ “See-Feel-Taste” ให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ
การปรับโฉมใหม่ของคิง เพาเวอร์ ถือเป็นกลยุทธ์แรกที่จะก้าวขึ้นสู่ Top 5 รวมไปถึงการขยายตลาดสู่ต่างประเทศ หรือการจับมือร่วมกับพันธมิตร เพื่อให้เกิดความหลากหลายของรายได้ในธุรกิจใหม่ๆ โดยเน้นหาพันธมิตรในโซนเอเชียเป็นหลัก ขณะเดียวกันยังมุ่งเน้นการพัฒนาธุรกิจและทรัพย์สินที่มีอยู่ภายในประเทศให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อพัฒนากลยุทธ์ต่างๆ ในอนาคต
ที่มา : matichon.co.th
รูปจาก facebook : Kingpowerofficial