“โนมูระ” ร่วมทุน “ออริจิ้น” เพิ่ม 2 โครงการ มูลค่า 3,600 ล้าน

“ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้” จับมือยักษ์อสังหาฯญี่ปุ่น “โนมูระ เรียลเอสเตท” ร่วมทุนลุยคอนโดเพิ่มอีก 2 โครงการ ได้แก่ “ดิ ออริจิ้น สุขุมวิท-สายลวด อี 22 สเตชั่น” และ “ดิ ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ รามอินทรา” รวมมูลค่าโครงการกว่า 3,600 ล้านบาท หลังโนมูระเชื่อมั่นศักยภาพบริษัท , แบรนด์เจาะคนรุ่นใหม่ The Origin และตลาดอสังหาฯไทย หนุนยอดโครงการคอนโดร่วมทุนสะสมแกร่งทะลุ 32,000 ล้าน เล็งมองหาโอกาสสร้างความร่วมมือใหม่ๆ ต่อเนื่อง

 

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า บริษัทได้ร่วมทุนการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมกับบริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของญี่ปุ่น เพิ่มเติมอีก 2 โครงการ มูลค่ารวมโครงการกว่า 3,600 ล้านบาท ได้แก่ โครงการดิ ออริจิ้น สุขุมวิท-สายลวด อี 22 สเตชั่น (The Origin Sukhumvit-Sailuat E22 Station) มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท และโครงการดิ ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ รามอินทรา (The Origin Plug & Play Ramintra) มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท

 

“ทางโนมูระยังคงมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย และเชื่อมั่นในศักยภาพของเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ที่ยังคงสร้างผลการดำเนินงานได้อย่างยอดเยี่ยมและต่อเนื่องนับตั้งแต่เริ่มประกาศร่วมทุนกันครั้งแรกในช่วงกลางปี 2560 รวมถึงเล็งเห็นความแข็งแกร่งแบรนด์น้องใหม่อย่าง “ ดิ ออริจิ้น “ ที่แม้จะเพิ่งเปิดตัวแบรนด์มาได้เพียงปีครึ่ง

 

โครงการดิ ออริจิ้น สุขุมวิท-สายลวด อี 22 สเตชั่น

 

โครงการดิ ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ รามอินทรา

 

จากการร่วมทุนเพิ่มเติมใน 2 โครงการดังกล่าว ส่งผลให้ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ และโนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ มีการร่วมทุนกันในกลุ่มธุรกิจคอนโดมิเนียมสะสมจากเดิม 7 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 28,643 ล้านบาท เพิ่มเป็น 9 โครงการ มูลค่าโครงการร่วมทุนกลุ่มคอนโดมิเนียมสะสม 32,243 ล้านบาท โดยความร่วมมือก่อนหน้านี้จะเป็นความร่วมมือในแบรนด์คอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ ได้แก่ แบรนด์ไนท์บริดจ์ (KnightsBridge) และแบรนด์คอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ ได้แก่ แบรนด์พาร์ค ออริจิ้น (PARK ORIGIN) ขณะเดียวกัน ยังมีโครงการร่วมทุนในกลุ่มธุรกิจโรงแรมอีก 2 โครงการ

 

นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า ความร่วมมือเพิ่มเติมดังกล่าว สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของบริษัทที่ยังคงได้รับความเชื่อมั่นและไว้วางใจจากพันธมิตร ทั้งในด้านการพัฒนาสินค้าคุณภาพ การพัฒนาแบรนด์ ตลอดจนความสามารถในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ขณะเดียวกัน ความร่วมมือกับพันธมิตรต่างประเทศ จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถของบริษัททั้งในด้านเงินทุน ด้านการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และด้านการเข้าถึงตลาดลูกค้าชาวต่างชาติ โดยโนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ ถือเป็นพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่งอย่างมากในทุกด้านดังกล่าว

 

ทั้งนี้ บริษัทยังคงพิจารณาโอกาสในการพัฒนาโครงการร่วมทุนกับบริษัทต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกับทางโนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ ซึ่งถือเป็นพันธมิตรต่างชาติรายแรกของบริษัท และเป็นพันธมิตรกันมาอย่างยาวนาน โดยอาจมีการสร้างความร่วมมือกันได้ทั้งกลุ่มโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อการขายและโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นๆ

 

 



 

ความคิดเห็น