แสนสิริประกาศแผนปี 64 “The Year of Hope” เปิด 24 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 26,000 ล้านบาท

แสนสิริเผย 2563 ปีแห่งความแข็งแกร่งของแสนสิริ ยืนหยัดด้วย 3 แกนหลัก “Speed to Market – Customer Centric Strategy – Cash flow Strategy” ดันสู่สภาพคล่องในมือกว่า 15,000 ล้านบาท (Cash is King) ลดอัตราหนี้ และ Gearing Ratio ลดลงจาก 7 อยู่ที่ 1.3 สะท้อนความแข็งแกร่งทางการเงิน

 

– ยกปี 2564 คือ “ปีแห่งความหวัง” (The Year of Hope) อีกปีที่ท้าทายและพร้อมเดินหน้าต่อด้วย 3 ความหวังแกร่ง คืนรอยยิ้มให้ลูกค้า ครอบครัวแสนสิริ และสังคม

 

– ความหวังในการมีบ้านของคนไทย เดินหน้าต่อด้วยแบรนด์ที่แข็งแกร่งและเข้าถึงได้ เปิดตัวโครงการใหม่ที่ราคาเข้าถึงง่าย เจาะกลุ่ม real-demand ใน product ที่หลากหลาย ตอบรับทุกระดับราคา ครอบคลุมทำเลทั้งกรุงเทพฯ ปริมณฑล ด้วยดีไซน์ที่ตอบโจทย์ทุกความชอบ เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงบ้านของคนทุกกลุ่ม

 

– ความหวังในการเสริมความแข็งแกร่งของแสนสิริ ก้าวเร็วนำหน้าต่อด้วย Speed to Market และความแข็งแกร่งของ Cashflow ในปี 2564 พร้อมสนับสนุน SME และอุ้มอสังหาฯ รายเล็ก พยุงเศรษฐกิจไทยเดินหน้าต่อไปด้วยกัน

 

– ความหวังในการคืนรอยยิ้มสู่ครอบครัวแสนสิริและสังคม เดินหน้า Made for Life…Made for Everyone สู่แบรนด์ที่เข้าถึงได้ เตรียมจับมือ ยักษ์ใหญ่พาร์ทเนอร์กลุ่มธุรกิจอาหาร สร้างปรากฎการณ์เป็นครั้งแรกใน 2 กลุ่มธุรกิจ สร้างรอยยิ้มให้ลูกค้าและครอบครัวแสนสิริ เข้มข้นต่อเนื่องสู้โควิด ด้วย Sansiri Care พร้อมคืนรอยยิ้มสู่ภาค SME และสังคมด้วย Sansiri Sustainability Mission

 

– วางเป้าหมายเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยเป้ายอดขาย 26,000 ล้านบาท และเป้าโอน 27,000 ล้านบาท ด้วยแผนเปิด 24 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 26,000 ล้านบาท ภายใต้การปรับตัวเร็วรองรับทุกสถานการณ์

 

 

ในปี 2564 แสนสิริได้วางเป้าหมายพัฒนาโครงการใหม่ไว้ 24 โครงการ รวมมูลค่า 26,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาซึ่งเปิดตัวโครงการใหม่ไปทั้งสิ้น 12 โครงการ มูลค่ารวม 15,000 ล้านบาท ในแผนปีนี้แบ่งเป็นการพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว 7 โครงการ มูลค่ารวม 12,300 ล้านบาท และทาวน์โฮมและมิกซ์ โปรเจกต์ 12 โครงการ มูลค่ารวม 9,600 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 5 โครงการ มูลค่ารวม 4,100 ล้านบาท อยู่ในเซกเมนต์ Affordable และ Medium เป็นหลัก เพื่อให้แสนสิริเป็นแบรนด์ที่เข้าถึงง่าย ขณะเดียวกันเราจะขยายฐานลูกค้าในเซกเมนต์ Luxury ด้วยสินค้าใหม่ ทั้งทาวน์โฮมและบ้านเดี่ยว 3 ชั้นภายใต้แบรนด์ใหม่ โดยคาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายในปี 2564 นี้ได้ 26,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเป้ายอดขายแนวราบ 16,000 ล้านบาท และเป้ายอดขายคอนโดมิเนียม 10,000 ล้านบาท รวมทั้งวางเป้าหมายการโอนไว้ 27,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเป้าโอนโครงการแนวราบ 16,000 ล้านบาท และเป้าโอนคอนโดมิเนียม 11,000 ล้านบาท ขณะที่แสนสิริยังมียอดขายรอโอนรองรับการเติบโตระยะยาวในอีก 3 ปี อีกถึง 27,700 ล้านบาท

.

โดยจะพัฒนาโครงการใหม่ ในระดับราคาที่เข้าถึงง่าย ด้วย product ที่หลากหลาย ครอบคลุมทำเลกรุงเทพฯ และปริมณฑล ภายใต้ดีไซน์ที่ตอบโจทย์ทุกความชอบ เพื่อเพิ่มโอกาสการมีบ้านหลังแรก ด้วยแผนการเปิดตัวโครงการในระดับราคาเข้าถึงง่าย ภายใต้แบรนด์ ‘สิริ เพลส’ – ‘อณาสิริ’ – ‘สราญสิริ’ และ ‘ บุราสิริ’  โดยไฮไลท์ที่สำคัญในปีนี้ แสนสิริจะเปิดตัว products ภายใต้แบรนด์ใหม่ เริ่มจากการเปิดตัว Affordable Condominium เซกเมนต์ใหม่ ภายใต้  แบรนด์ใหม่ เจาะกลุ่ม Young Generation ในทำเลคอมมูนิตี้เมือง อาทิ รัชดา, เกษตรฯ, รามคำแหง และ บางนา ในระดับราคาที่เข้าถึงง่ายเริ่มต้นเพียง 1.xx ล้านบาท  การเปิดตัว “SIRI Residence” New segment ทาวน์โฮมระดับบน บนทำเลที่ดินผืนใหญ่ที่หายากใจกลางเมือง ในปีนี้จะมี 2 ทำเลและเปิดตัวในช่วงไตรมาส 4 และการเปิดตัว “BuGaan” แบรนด์ใหม่ของบ้านเดี่ยว 3 ชั้น ระดับราคา 30 – 80 ล้านบาท เจาะกลุ่ม Young Successor ภายใต้จุดขาย Modern Luxury Living ในทำเลโยธินพัฒนา เป็นเอ็กซ์คลูซีฟ เรสซิเดนซ์ เพียง 14 ยูนิตเท่านั้น โดยเตรียมเปิดขายในไตรมาส 2 ของปีนี้ นอกจากนี้ แสนสิริยังเตรียมส่งมอบโครงการคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่อีก 3 โครงการใหม่ มูลค่าโครงการรวม 12,200 ล้านบาท ในปีนี้ ได้แก่ XT ห้วยขวาง, ดีคอนโด ไฮด์อเวย์ รังสิต และเอดจ์ เซ็นทรัล พัทยา ที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า

 

 

 

ที่มา แสนสิริ

วันที่ 21 มกราคม 2564



 

ความคิดเห็น