เร่งตั๋วร่วม บัตรแมงมุม ใช้ปีหน้าใบเดียวขึ้น บีทีเอส-ใต้ดิน-แอร์พอร์ตลิงก์ 4สายหลัก
ปีหน้าได้ใช้ ‘บัตรแมงมุม’ ระบบตั๋วร่วม เบื้องต้นนำร่องใช้บัตรเดียวขึ้นรถไฟฟ้า 4 สาย ทั้งบีทีเอส- รถใต้ดิน-รถสีม่วง และแอร์พอร์ตลิงก์ พร้อมเร่งเสนอ ครม.ตั้งบริษัทตั๋วร่วมมาบริหารจัดการ และมี กก.กำกับค่าโดยสารด้วย
นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการเปิดให้บริการระบบตั๋วร่วม ภายใต้ชื่อบัตรแมงมุม ซึ่งเป็นบัตรใบเดียวที่สามารถเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะหลายระบบได้ ว่า สนข.ติดตั้งระบบบริหารจัดการรายได้กลาง(เซ็นเตอร์ เคลียริ่งเฮาส์) ระบบตั๋วร่วมเสร็จเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในเดือนมิ.ย. 2560
เบื้องต้นจะใช้บริการได้เฉพาะรถไฟฟ้า 4 เส้นทางก่อนคือ รถไฟฟ้า บีทีเอส, รถไฟฟ้าใต้ดิน เอ็มอาร์ที, รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ และรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่บางซื่อ
ระหว่างนี้ สนข.อยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียดรูปแบบการจัดตั้งบริษัทขึ้นมาบริหารจัดการตั๋วร่วม คาดว่าจะเสนอ ครม.ได้ภายในเดือนพ.ย.นี้ ระหว่างที่ยังไม่สามารถจัดการบริษัทบริหารตั๋วร่วมได้ ซึ่งต้องเปิดเป็นพีพีให้เอกชนร่วมทุนนั้น กระทรวงมอบหมายให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) เป็นหน่วยงานกลางในการบริหารก่อน โดยร่วมกับ สนข. ธนาคารกรุงไทย
สนข.จะเจรจากับตัวแทนรถไฟฟ้าทั้ง 4 สาย คือ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด(แอร์พอร์ตลิงก์), บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีอีเอ็ม และบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ให้เข้าร่วมทุนในบริษัทก่อน โดยจะยอมแปลงเงินลงทุนที่แต่ละบริษัทต้องนำไปใช้ในการปรับปรุงระบบหัวอ่านบัตรและระบบซอฟต์แวร์ให้เป็นทุนเพื่อร่วมเป็นผู้ถือหุ้นด้วย
“หาก ครม.เห็นชอบในเดือนพ.ย.เราจะเจรจากับบีทีเอส แอร์พอร์ตลิงก์ และบีอีเอ็ม คาดว่าทั้ง 3 รายจะใช้เวลาในการติดตั้งระบบหัวอ่านและปรับระบบซอฟต์แวร์ให้อ่านบัตรแมงมุมให้ได้ประมาณ 2 เดือน และทดสอบระบบอีก 2 เดือนก็จะสามารถเปิดให้บริการได้ในเดือนมิ.ย.60 พอดี”
นายชัยวัฒน์กล่าวอีกว่าอยู่ระหว่างการจัดทำร่างพ.ร.บ. การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ.2559 ซึ่งจะกำหนดโครงสร้างคณะกรรมการการกำกับค่าโดยสารร่วม เบื้องต้นมีรมว.คมนาคมเป็นประธาน ส่วนกรรมการจะประกอบด้วยตัวแทนจากหลายหน่วยงาน อาทิ กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ เป็นต้น โดยจะทำหน้าที่ในการกำหนดอัตราค่าโดยสารร่วม
ที่มา หนังสือพิมพ์ข่าวสด
วันที่ 20 พฤศจิกายน 2559