วิธีการตรวจรับห้องคอนโด

วิธีการตรวจรับห้องคอนโด

————————————————
อุปกรณ์ ที่ต้องใช้
ไฟฉาย
ถังน้ำ
โทรศัพท์ไร้สายไว้ตรวจปลั๊กไฟและสายโทรศัพท์
กระดาษไว้จดรายการซ่อมแซม
ดินสอ
เศษผ้า ไว้เช็ดน้ำซึม และเช็ดมือ ที่เปื้อน
เศษทิชชู่ยุ่ยๆ
กระดาษกาวไว้แปะจุดที่ต้องซ่อมแซม

อย่างที่ 1 ……. ระบบ สุขาภิบาล ครับ

– เปิดก๊อกน้ำ จนสุดทุกก๊อก…….. ดูว่าน้ำไหลดีไหม การหมุนของวาวเป็นอย่างไร หมุนออก หมุนเข้า สองสามครั้ง หรือมากครั้งที่สุด
– ขังน้ำ ในบริเวณที่ขังได้ เช่น อ่างล้างหน้า อ่างอาบน้ำ อ่างครัว ที่ซักผ้า……..ให้เต็ม ดูว่า ช่องน้ำล้นทำงานไหม? ….เสร็จแล้ว ปล่อยน้ำออกในทันที ….ถ้าอยู่ในห้องน้ำเดียวกัน ให้เปิดให้น้ำออกพร้อมกัน เพื่อดูว่า การแย่งกันไหลออกของน้ำ มีผลอย่างไร ล้นจากอ่างล้างหน้าไปที่อ่างอาบน้ำไหม? ถ้ามีอาการ ปุดๆ แสดงว่า ไม่มีท่ออากาศ หรือท่ออากาศตัน หรือท่ออากาศเล็กไป……. พร้อมกันนั้น ก็ชักโครกไปพร้อมๆ กันด้วยนะครับ ยิ่งดี ….แบบให้ระบบน้ำ แย่งกันใช้งาน ให้มากที่สุด
– เอาถังน้ำไปด้วย 1 ใบ รองน้ำให้เต็ม ค่อยๆ เทลงพื้นห้องน้ำ เพื่อให้น้ำไหลลงท่อระบายน้ำ ดูว่า การระบายน้ำที่พื้น เป็นอย่างไร? ….ถ้าทำได้ ให้เอาผ้าอุดที่รูระบายน้ำพื้น ให้น้ำขัง แล้วค่อยปล่อยน้ำให้ไหล ทันที
– ระบบชักโครก ….กด และกด และกด มากที่สุดเท่าที่ทำได้ น้ำไหลคล่องหรือไม่? แล้วลองทิ้งทิชชู่ยุ่ยๆลงไปแล้วกดชักโครก1ครั้งว่าหมดไหม ถ้าขนาดน้ำยังไหลไม่คล่อง แล้วถ้ามีเนื้อ…ก็คิดเองเองครับ
– สายชำระ ….กดดูทุกอัน แรงๆ อย่าปราณีปราศรัย

– เอาเศษผ้าแห้ง เช็ดตามแนวรอยต่างๆ ที่ไม่ควรมีน้ำ ดูว่า มีน้ำซึมหรือเปล่า?
(ยิ่งเราสามารถเอาน้ำ มาไหลในห้องน้ำได้มากเท่าไร โอกาสที่จะเห็นความเสียหาย จากการเดินท่อไม่ดี ก็จะมากขึ้นครับ)

หมายเหตุผู้โพสต์ : ข้างล่างนี่ คัดมาจากอีกกระทู้นึง เห็นว่าคล้ายๆ กันเลยเอามาแปะไว้ด้วยกันเลย

เรื่องน้ำ อุปกรณ์ที่ต้องมี
1. กระป๋องน้ำ
2. ผ้าเช็ดเท้า
3. กล้องถ่ายรูป (เพื่อถ่ายเอาไว้เป็นหลักฐาน)

1. เริ่มจากน้ำ ให้ไปเปิด-ปิด ก๊อกน้ำทุกหัว (ย้ำว่าทุกหัว) ในบ้านแล้วลองปิดดูว่าน้ำรั่วหรือไม่ มีรอยรั่วจากตรงไหนบ้าง หากปิดก๊อกน้ำทั้งบ้านแล้ว ให้เดินไปที่ มิเตอร์น้ำ ไปดูว่า มิเตอร์หมุนหรือไม่ หากมิเตอร์หมุนให้ทำการตรวจเช็คแสดงว่ามีท่อน้ำรั่วที่ไหนสักแห่งในบ้าน [ห้องที่มีก๊อกน้ำ ห้องน้ำทุกห้อง อ่างล้างหน้า สายชำระ ชักโครก ห้องครัว (ตาม sink ล้างจาน) สนามพื้นหน้าบ้าน (ก๊อกน้ำฉีดรดน้ำต้นไม้) ]

2. เอากระป๋องน้ำไปด้วย ใบใหญ่ๆ ที่ใส่น้ำได้สัก 5 ลิตรเป็นอย่างน้อย แล้วเติมน้ำใส่กระป๋อง เอาไปเททุกที่ที่มีทางระบายน้ำว่าน้ำระบายออกได้สะดวกหรือไม่ มีการขังหรืออุดตันตรงไหนหรือเปล่า (ห้องน้ำทุกห้อง ระเบียงห้อง หน้าบ้าน)

3. ปั้มน้ำ ให้ลองเปิดน้ำดูแล้วเดินไปที่ปั้มน้ำว่ามีเสียงการทำงานของปั้มหรือเปล่า น้ำแรงแค่ไหน

4. รายการของที่ต้องมีในห้องน้ำ
– อ่างล้างหน้า พร้อมก๊อกน้ำ
– ชักโครง และสายชำระ
– ที่ใส่กระดาษชำระ
– ที่แขวนผ้าเช็ดตัว
– ก๊อกน้ำและฝักบัว
– ฝาปิดท่อน้ำแบบกันกลิ่น

อย่างที่2????..เรื่องไฟฟ้า

อุปกรณ์ที่ต้องมี
ไขควงวัดไฟ
ได ร์เป่าผม (ตามความเห็นของผม:ผู้โพสต์กระทู้ ผมว่าใช้ไฟดวงเล็กๆ แบบที่เอาไว้เปิดตอนนอนก็น่าจะได้ เพราะใช้แค่ทดสอบว่าเราสามารถจะใช้งานปลั๊กนั้นได้หรือไม่เท่านั้น)
ไขควง 4 แฉก
รองเท้าแตะ หรือ รองเท้าที่เป็นพื้นยาง
ถุงมือหนาๆ เอาที่กะว่าใส่แล้วยังขยับนิ้วได้ตามปกติ
บันไดยาวๆ เอาแบบที่พาดได้ อย่างน้อยต้องมีบันไดไปด้วยสูงสัก 2.5 เมตรกำลังดีเอาไว้ปีนดูหลอดไฟ แล้วก็ขึ้นใต้หลังคา
ไฟฉาย
กล้องถ่ายรูป

หมายเหตุ – ขณะทำการเช็คไฟให้ใส่รองเท้าและถุงมือเพื่อความปลอดภัย

1. เรื่องการเช็คไฟฟ้า ไม่ยากเลย ทำเหมือนกับน้ำ คือ เดินเปิด-ปิดไฟทุกดวงในบ้าน เปิดทิ้งไว้ ตั้งแต่ทางเข้าบ้าน ….ปิดแล้วเปิดใหม่ทุกดวง อย่างน้อยหนึ่งครั้ง แต่ต้องทิ้งระยะเวลาด้วยนิดหนึ่งนะครับ มีดวงไหนขาดไปหรือเปล่า ถ้าขาดให้เปลี่ยนให้ทันที หรือว่า จะย้ายดวงไฟตรงไหน ให้หรือจดเอาไว้แล้วเพิ่มในรายการตรวจรับบ้านได้

2. ปลั๊กไฟให้เอาไขควงวัดไฟจิ้มที่ น๊อต ดูว่ามีไฟรั่วมาที่น๊อตหรือเปล่า พอเสร็จแล้วให้เอาไดร์เป่าผม เสียบแล้วลองใช้ดูว่ามีปลั๊กไฟอันไหนบ้างไม่มีไฟ

3. เดินไปดูที่ห้องน้ำมีการเดินสายไฟเอาไว้ให้สำหรับ เครื่องทำน้ำอุ่น การเดินสายไฟพวกนี้ก็เหมือนกันให้เดิน 3 เส้น (มีสายดิน) แล้วที่สำคัญ ต้องมี breaker ให้ด้วย

4. ให้ปีนขึ้นไปดูใต้หลังคา ก่อนจะปีนให้เอาปิด main breaker แล้วเอาไฟฉายขึ้นไปด้วยมีการร้อยสายไฟเอาไว้ในท่อให้เราหรือเปล่า หากไม่มีให้ทำด้วย ไม่ใช่ร้อยสายไฟในท่อเฉพาะในกำแพงอย่างเดียว ใต้ฝ้าก็ต้องร้อยท่อให้เราด้วย เพราะหากหลังคารั่วน้ำมาโดนสายไฟจะเป็นอันตรายกับบ้านและเครื่องใช้ไฟฟ้าของ ท่านได้ และสายไฟ main ต้องไม่มีรอยทำการตัดต่อเป็นอันขาด หากมีการตัดต่อให้ทางโครงการเปลี่ยน เพราะอันตรายมาก มีโอกาสทำให้ไฟฟ้าลัดวงจรแล้วเกิดเพลิงไหม้ได้สูง

5. ปิดไฟให้หมดทั้งบ้าน (ไม่ต้องปิด main breaker) แล้วไปดูที่มิเตอร์ไฟว่ามีไฟวิ่งอยู่หรือเปล่า หากมิเตอร์ยังวิ่งแสดงว่ามีไฟรั่วให้ทำการตรวจหาแล้วทำการแก้ไขเสียก่อน

6. หากทางโครงการแถมติดแอร์ให้ฟรี ให้ทำดังนี้ ให้เปิดแอร์และอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่จะสามารถเปิดได้ เปิดให้หมดพร้อมกันทุกตัว สักประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วเดินไปดูที่มิเตอร์ไฟว่า มันวิ่งแบบน่ากลัวหรือเปล่า หมุนติ้วๆ เป็นลูกข่างหรือเปล่า เพื่อทำการเช็คได้ว่ามิเตอร์จะทำการรับการใช้งานได้หรือเปล่า แอร์ต้องไม่ตัด อุปกรณ์ทุกอย่างต้องไม่ตัด

7. สายดินของ main breaker ถามเค้าว่าฝังเอาไว้ตรงจุดไหน

8. ปลั๊กไฟนอกอาคาร ต้องเป็นปลั๊กไฟที่มีตัวปิดกันน้ำให้ด้วย เพราะเวลาฝนตกหรือฝนสาดจะได้ไม่เป็นอันตราย
ถ้า มีระบบตัดไฟ และระบบเช็คความต่างศักดิ์ ก็ขอใบรับประกันด้วย …ที่เครื่องจะมีปุ่ม test ให้กดดูด้วย สอง หรือสามครั้ง ดูว่า ปุ่มหมุนอยู่ที่ 0 หรือเปล่า? ถ้าไม่ใช่ศูนย์ หมุนไปที่ศูนย์ …ถ้าไฟดับ แสดงว่า มีไฟรั่วเล็กๆ แล้ว ถึงตอนนั้น ก็ต้องพยายามเปิดใช้ไฟฟ้าให้หมด ทุกอย่างเท่าที่จะทำได้
……………………………………………

อย่างที่3??..งานพื้น
อุปกรณ์ที่ต้องมี
1. ถุงเท้า
2. เหรียญบาท
3. ลูกแก้ว สักประมาณ 20-30 ลูก
4. กระดาษกาว
5. กล้องถ่ายรูป (ถ่ายเป็นหลักฐาน)

1. ให้เดินลากเท้าเปล่าก่อนดูว่ารอยกระเบื้อง แกรนิต หรือหินอ่อนหรือ แผ่นไม้ หรือไม้ปาร์เก้ที่ปูนั้นเรียบเสมอดีหรือไม่ หลังจากนั้นให้ใส่ถุงเท้าแล้วเดินลากไปตามพื้นเช่นเดิม จะได้รู้ว่ามีรอยอีกหรือเปล่า และตามร่องที่ปูสะอาดหรือเปล่า

2. ให้ใช้เหรียญบาทเคาะดูพื้นว่ามีเสียงพื้นโปร่งหรือเปล่า หากมีให้นำกระดาษกาวแปะทำเครื่องหมายเอาไว้ เคาะกระเบื้อง ถ้ามีเสียงก้องๆ เหมือนข้างในเป็นโพรง ก็ต้องรื้อน่ะค่ะ ถ้าแป้กๆ ตันๆทั้งแผ่นก็เก็บไว้ แสดงว่าใช้ได้ โดยเฉพาะตรงขอบๆกระเบื้องนี่ไม่ได้เลย เสียงก้องนิดเดียวก็ไม่ได้

3. ให้วางลูกแก้วไปบนพื้นหากเป็นไปได้ ควรวางห่างกันอย่างน้อย 10 เซนติเมตร แล้วดูว่าลูกแก้วไหลไปทางไหน หากไหลรวมกันแสดงว่า พื้นเป็นหลุม หากจุดไหนไม่มีลูกแก้วอยู่แสดงว่าพื้นปูด ให้เอากระดาษกาวแปะเอาไว้ เหมือนเดิม
หมายเหตุ – การเคาะอย่ารุนแรงมากแล้วให้เคาะกระเบื้องทุกแผ่นที่ปูได้จะดีมากๆ ไม่ว่าจะเป็นพื้นห้องหรือ ห้องน้ำรวมทั้งผนังห้องน้ำที่ปูกระเบื้องด้วย รวมถึงพื้นปาร์เก้ด้วย

ป.ล. พื้นลามิเนต อย่าไปเคาะมันนะ ไม่มีผล ?????????????????..

หมาย เหตุ ผู้โพสต์เอง : สำหรับพื้นลามิเนตเหมือนที่โครงการของเรานี่ เวลาเดินพื้นจะต้องไม่ยวบ เรียบเสมอกัน ไม่บวม โป่ง พอง ขอบบัวพื้นจะต้องแนบสนิทกับพื้น หากแตกต่างจากนี้ ควรให้ช่างแก้ไข หากไม่แก้ไขเมื่อใช้ไปสักระยะ อาการที่ว่าจะมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วคิดดูว่าเวลาที่ช่างมารื้อพื้นตอนที่เราเข้าอยู่แล้วจะเป็นอย่างไร (คงย้ายตู้ ยกเตียงกัน วุ่นไปหมด แน่ๆ)

อย่างที่4???.งานกำแพง
อุปกรณ์ที่ต้องใช้
1. ไม้บรรทัด
2. ไฟฉาย
3. กุญแจบ้านทั้งหลัง

1. ให้เดินดูกำแพงว่าสะอาดดีหรือไม่ wall paper ที่ติดเอาไว้เรียบเสมอกันดีหรือเปล่า ดูให้ละเอียดๆ นะ ให้เอาหน้าแนบดูกับกำแพงว่าเรียบเสมอกันดีหรือเปล่า มีกำแพงบุบหรือโป่งหรือเปล่า

2. ตามขอบบัวติดผนังให้เอาไม้บรรทัดวางลงกับพื้นแล้วเลื่อนเล่นเป็นเหมือนรถไฟ หากมีการโป่งหรือเว้าตัวของบัวคุณจะเห็นช่องได้ที่อยู่ระหว่างไม้บรรทัด กับขอบบัว

3. สีนอกอาคารดูให้ทั่วว่ามีรอยร้าวหรือเปล่า มีรอยน้ำหรือเปล่าหากมีแสดงว่าน้ำรั่วให้หาสาเหตุโดยด่วน

4. ตามประตูและหน้าต่างให้ลองเปิดปิดดูทุกบาน ดูว่ามีการทรุดตัวของประตูหรือหน้าต่างหรือเปล่า ลองปิดแบบปล่อยให้ประตูปิดเองจะรู้ได้ทันที ให้ปิดประตูแล้วเอาไฟฉายส่องดูว่ามีแสงลอดหรือเปล่า ลอง lock แล้วเปิดดูด้วยกุญแจทุกดอกดูว่าใช้งานได้หรือเปล่า

5. หากมีมุ้งลวดให้ตรวจดูว่ามีรอยขาดหรือเปล่า หากมีให้เปลี่ยนทันที

6. ประตูรั้วหน้าบ้าน ลง lock ดีหรือเปล่า สามารถใช้งานได้จริงหรือเปล่า ลองเปิดและปิดดู แล้วลองดูว่าใส่แม่กุญแจได้หรือเปล่า ลองปิดดู

อย่างที่5???.สายโทรศัพท์
อุปกรณ์ที่ต้องมี

1. โทรศัพท์บ้าน อย่างน้อย 2 เครื่อง เอาแบบใช้ถ่านนะ พร้อมสายต่อ
2. เพื่อน คนสนิท หรือ คนทางบ้าน อย่างน้อยอีก 1 คนเช่นกัน

หลายๆบ้านที่ทางโครงการมีการเดินสายโทรศัพท์เอาไว้ให้ในกำแพง ให้เอาโทรศัพท์ไปต่อดู แล้วยกหูฟังดูแล้วลองคุยกันดู ว่าได้ยินหรือไม่
หมายเหตุ – การเช็คแบบนี้ไม่ต้องรอให้มีเบอร์โทรศัพท์ก่อนก็ได้

ข้อเตือนใจ

1. อย่าเชื่อลมปาก ให้เขียนลงกระดาษและลงวันที่เอาไว้ด้วย
จดๆๆๆๆ
ข้อสำคัญ ต้องจดๆๆๆ เป็นรายการๆๆๆ ห้าม”จำ”ครับ เพราะจะลืม …อย่าลืม เวลา, วันที่, แปลงที่ตั้งของบ้าน หรือชื่อเราเอง
เก็บไว้ที่เราชุดหนึ่ง ถ่ายสำเนาให้ผู้รับเหมาชุดหนึ่ง ให้เค้า”เซ็นรับทราบ”ก็น่าจะดี
– ตอนมาตรวจครั้งที่สอง ก็ไล่ตามรายการ …อ้อ! ให้ เค้า “นัดวันตรวจครั้งที่สองทันที” ในวันนั้นนะครับ
– น่าจะไปกันสองคน คนหนึ่งดู คนหนึ่งจด อย่าไว้ใจให้ผู้รับเหมาจด เพราะท่านมักจะลืมจด แบบตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจ บ่อยๆ โดยเฉพาะเรื่องที่แก้ไขยากๆ

2. ถ่ายรูปเอาไว้เป็นหลักฐานทุกชิ้น
3. ให้ทำให้เสร็จก่อนโอน
4. อย่าเชื่อ โฟร์แมน ของโครงการโดยเด็ดขาด

หมายเหตุ – ข้อ 1 สำคัญที่สุด

ที่มา : prakard.com

ความคิดเห็น