ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมในประเทศไทย
ไนท์แฟรงค์ประเทศไทยเผยภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมในประเทศไทย ปี 2563
มร. มาร์คัส เบอร์เทนชอว์ กรรมการบริหารและหัวหน้าฝ่ายตัวแทนนายหน้า บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “ ห่วงโซ่อุปทานการผลิตทั่วโลกเผชิญกับปัญหาครั้งใหญ่ในปี 2563 จากการล็อกดาวน์และการปิดโรงงาน ขณะที่ทั่วโลกพยายามควบคุมโรคระบาด เหตุการณ์นี้ชี้ให้เห็นว่าหลายประเทศต้องพึ่งพาฐานการผลิตในประเทศอื่นๆ อย่างเช่น อินเดียและจีนสำหรับการผลิตสินค้าที่สำคัญ ส่งผลให้รัฐบาลหลายแห่งประกาศแผนสนับสนุนที่หวังว่าจะช่วยกระตุ้นให้ธุรกิจหันมาผลิตสินค้าใกล้ประเทศของตนมากขึ้น แต่ทว่า มันก็ไม่ได้ทำให้การลงทุนจากต่างประเทศไหลเข้ามาในประเทศไทยเป็นเพราะข้อจำกัดด้านทางการเดินทางที่ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวเท่านั้น
แต่ยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อการยกเลิกและเลื่อนโครงการการลงทุนจากต่างประเทศที่สำคัญ การย้ายฐานโรงงานจากประเทศหนึ่งไปอีกประเทศหนึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายๆ และมีเพียงไม่กี่รายที่กล้าซื้ออสังหาริมทรัพย์โดยไม่สำรวจสถานที่ก่อน โดยทั่วไปแล้วผู้ผลิตมักมีกลุ่มชั้นของซัพพลายเออร์ในระดับที่ซับซ้อน โดยมีหลายบริษัทในแต่ละกลุ่มชั้น
ดังนั้น เมื่อย้ายฐานการผลิตจึงจำเป็นต้องสร้างเครือข่ายความสัมพันธ์ใหม่กับซัพพลายเออร์ที่สำคัญด้วย ในปัจจุบัน งานในส่วนนี้ส่วนใหญ่สามารถทำได้จากระยะไกล แต่ในขณะเดียวกันยังไม่มีสิ่งใดที่สามารถทดแทนการตรวจตราด้วยบุคคล หรือความไว้วางใจที่สร้างได้จากการพบหน้าเห็นตากัน ดังนั้น เราจึงไม่คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเข้าสู่ประเทศไทยจนกว่า ข้อจำกัดการเดินทางทั่วโลกจะคลายตัวลง”
ภาพรวมเศรษฐกิจ
ในไตรมาสที่ 4 ปี 2563 จีดีพีของประเทศไทยลดลง 4.2% Y-o-Y (เมื่อเทียบปีต่อปี) โดยปรับตัวดีขึ้นจากการหดตัว 6.4% ที่บันทึกไว้ในไตรมาสก่อน สำหรับตลอดทั้งปี เศรษฐกิจไทยหดตัว 6.1% หลังจากขยายตัว 2.3% ในปี 2562 ปรับลดลงต่ำสุดในรอบ 5 ปี อยู่ที่ 79.52 จุดในเดือนพฤษภาคม กลับฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง อยู่ที่
97.61 จุดในเดือนธันวาคม อย่างไรก็ตาม ระดับในปัจจุบันยังคงต่ำกว่าระดับในเดือนธันวาคม ปี 2562 อยู่ 2% การฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลังแสดงให้เห็นว่าภาคอุตสาหกรรมสามารถปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ดีขึ้นและมาตรการของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ขณะที่ปริมาณการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่ได้รับอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ลดลงเป็นปีที่สี่ติดต่อกัน
โดยลดลง 19.2% ปีต่อปี มูลค่ารวมอยู่ที่ 361 พันล้านบาท ซึ่งมูลค่าการลงทุนที่ได้รับอนุมัติส่วนใหญ่อยู่ในหมวดผลิตภัณฑ์โลหะและเครื่องจักร (31%) ตามมาด้วยภาคการบริการ (25%) จำนวนโรงงานเปิดใหม่ในประเทศไทยยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยลดลงไป 17% จากปี 2562 นอกจากนี้จำนวนโรงงานที่ขยายกิจการก็ลดลง 39% อยู่ที่ 690 แห่ง ในทางกลับกัน จำนวนโรงงานหยุดกิจการก็ลดลง 58% จำนวนอยู่ที่ 716 แห่ง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าขนาดของตลาดโรงงานยังค่อนข้างคงที่ เนื่องจากกิจกรรมที่มีอย่างจำกัด ทั้งการขยายตัวและการหดตัว
ภาพรวม
ตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมชะลอตัวในปี 2563 เนื่องจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ที่ยังคงส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกและการชะลอตัวของภาคเศรษฐกิจในประเทศ ความหวังในการฟื้นตัวในช่วงเริ่มแรกหมดไปเมื่อเกิดการระบาดระลอกที่ 3 และเป็นระลอกที่มีความรุนแรงมากที่สุด โดยส่งผลกระทบเชิงลบต่อการใช้จ่ายภายในประเทศและการฟื้นตัวของการเดินทางระหว่างประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจสำหรับปี 2564 ลงเหลือ 2% จากที่คาดการณ์ไว้ก่อนนี้ที่ประมาณ 3% โดยตามที่คาดการณ์ไว้ ธรรมชาติของห่วงโซ่อุปทานที่เชื่อมโยงถึงกันชี้ให้เห็นว่าผลกระทบของการระบาดใหญ่ต่อภาค การผลิตไม่ได้จำกัดอยู่เพียงสถานการณ์ภายในประเทศเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่นผลกระทบจากโควิด-19 ที่มีต่อคู่ค้าของไทย อย่างปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ขนส่งสินค้าทั่วโลก ซึ่งกิจกรรมทางการค้าถูกจำกัดแม้ว่าการผลิตสินค้าจะเติบโตขึ้นก็ตาม
นอกจากนี้นักลงทุนต่างชาติยังมองว่าการเดินทางเข้ามาในประเทศไทยยังเป็นเรื่องยาก ดังนั้นโครงการลงทุนจำนวนมากจึงถูกระงับไว้ ด้วยเหตุผลเหล่านี้ เราคาดการณ์ว่ากิจกรรมการซื้อขายที่ดินเพื่อการอุตสาหกรรม (SILP) จะยังคงมีอย่างจำกัดตลอดปี 2564
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทย ภาคการผลิต และตลาดอสังหาฯ เพื่อการอุตสาหกรรมยังส่งสัญญาณการเติบโตที่ดี ตัวบ่งชี้ต่างๆ อย่างดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม(MPI) และการส่งออกสินค้าปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องตามการขยายตัวของเศรษฐกิจคู่ค้า ขณะเดียวกันธนาคารแห่งประเทศไทยมองว่าการจัดซื้อและกระจายวัคซีนให้เพียงพอและทันท่วงทีเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเศรษฐกิจไทย หากการกระจายวัคซีนดำเนินการไปตามแผนที่วางไว้ ความต้องการอาจฟื้นตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หากมีการยกเลิกข้อจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ ซึ่งจะช่วยให้นักลงทุนดำเนินโครงการลงทุนได้ ยังมีโอกาสอีกมากมาย สำหรับตลาดอสังหาฯ เพื่อการอุตสาหกรรมทั้งในระยะกลางและระยะยาว
บริษัทจำนวนมากกำลังย้ายหรือขยายฐานการผลิตออกจากประเทศจีน เพื่อลดความเสี่ยงและกระจายห่วงโซ่อุปทาน การมีโครงสร้างพื้นฐานที่ดี ทำเลที่ตั้งที่มีความเป็นศูนย์กลางในภูมิภาค และสิ่งจูงใจที่นำเสนอโดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) จะทำให้ประเทศไทยมีความน่าดึงดูดยิ่งขึ้นในสายตาของนักลงทุนต่างชาติ
นอกจากนี้ความต้องการสินค้าด้านสุขภาพ เวชภัณฑ์ และบรรจุภัณฑ์อาหารจะมีมากขึ้นจนกลายเป็นปัจจัยหลักมากกว่าเทรนด์ในระยะสั้น เนื่องจากกลุ่มธุรกิจและผู้บริโภคยังคงให้ความสำคัญกับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี
การส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางระหว่างประเทศสำหรับสินค้าและบริการทางการแพทย์ ควรได้รับพิจารณาต่อไป เนื่องจากประเทศไทยมีความน่าเชื่อถือด้านสาธารณสุขที่แข็งแกร่งและมีโครงสร้างพื้นฐานอยู่แล้ว โดยในปี 2563 สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ได้กำหนดให้กลุ่มบริษัททางการแพทย์มีความสำคัญที่สุดและดำเนินการอนุมัติข้อตกลงหลายรายการให้แก่ธุรกิจด้านการผลิตเครื่องมือทางการแพทย์ นอกจากนี้ ยังเสนอมาตรการจูงใจด้านภาษีแก่บริษัทที่ทำการวิจัยเกี่ยวกับอุปกรณ์ทางการแพทย์ในท้องถิ่น สัญญาณต่างๆ มีแนวโน้มที่ดีเช่นเดียวกับในไตรมาสที่ 1 ปี 2564 ที่มีมูลค่าโครงการลงทุนจากต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจทางการแพทย์ขออนุมัติสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เพิ่มขึ้น 11,419% ปีต่อปี มูลค่ารวมกว่า 18.4 พันล้านบาท