ธอส.จับมือ 15 สมาคมช่วยคนไทยมีบ้าน

 ธอส.จับมือ 15 สมาคม-ชมรมผู้ประกอบการอสังหาฯ เอ็มโอยูโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย นำร่อง 15 จังหวัด กว่า 200 โครงการ มูลค่า 30,000 ล้านบาท สร้างโอกาสให้คนไทยมีบ้านง่ายขึ้น

 

นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเล็งเห็นถึงความสำคัญของธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ร่วมกับสมาคม ชมรมผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ทั่วประเทศ ลงนามบันทึกความร่วมมือโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย แสดงให้เห็นถึงศักยภาพ รวมถึงกระชับความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนตามแนวทางประชารัฐได้อย่างชัดเจน เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ในระบบเพื่อสามารถมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้อย่างทั่วถึง จากความร่วมมือครั้งนี้นับเป็นการก้าวสู่แนวทาง “Get Together We Bring Home for All” เพื่อทำให้คนไทยมีบ้าน ซึ่งทั้ง ธอส.และผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์จะเป็นส่วนหนึ่งช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทยและพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้มีความก้าวหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน

.

นายสุรชัย ดนัยตั้งตระกูล ประธานกรรมการ ธอส. เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการเชื่อมโยงเครือข่ายกับผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในพันธมิตรสำคัญของธนาคารเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนพันธกิจทำให้คนไทยมีบ้าน ล่าสุดธนาคารร่วมกับ 15 สมาคม ชมรมผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย สมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์ระยอ ง สมาคมอสังหาริมทรัพย์ขอนแก่น สมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต สมาคมอสังหาริมทรัพย์สงขลา สมาคมอสังหาริมทรัพย์ชลบุรี สมาคมอสังหาริมทรัพย์นครราชสีมา สมาคมอสังหาริมทรัพย์พิษณุโลก สมาคมอสังหาริมทรัพย์นนทบุรี สมาคมอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่ สมาคมอสังหาริมทรัพย์อุดรธานี ผู้แทนจังหวัดสระบุรี ผู้แทนจังหวัดมุกดาหาร ผู้แทนจังหวัดสุราษฎร์ธานี และผู้แทนจังหวัดสระบุรี จัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย

.

สำหรับกรอบสาระสำคัญ คือ 1.สมาชิกของสมาคมจะจัดส่งโครงการจัดสรรที่อยู่อาศัยมาเข้าโครงการพิเศษของ ธอส. อาทิ โครงการประเภท Fast Track / Smart Fast Track / Regional Fast Track และ LTF ซึ่งลูกค้าจะได้รับประโยชน์ลดค่าใช้จ่ายเรื่องการประเมินราคา เนื่องจากธนาคารกำหนดราคารับเป็ นหลักประกันของที่อยู่อาศัยในโครงการล่วงหน้า ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาพิจารณาสินเชื่อได้เช่นกัน 2.สมาชิกของสมาคมจะจัดส่งลูกค้า ภายใต้โครงการประเภท Fast Track / Smart Fast Track / Regional Fast Track และ LTF ที่มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยจริงให้แก่ธนาคาร เพื่อพิจารณาสินเชื่อเบื้องต้น และยื่นกู้จริงไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ของจำนวนที่อยู่อาศัยทั้งหมดแต่ละโครงการ 3.ธนาคารจะส่งเจ้าหน้าที่ทำการ Pre Approve ก่อนที่โครงการจะตัดสินใจขายให้แก่ลูกค้า 4.ธนาคารจะจัดทำผลิตภัณฑ์สินเชื่อให้แก่ลูกค้าในโครงการจัดสรรที่อยู่อาศัยด้วยเงื่อนไขพิเศษตามที่ธนาคารกำหนด และ 5.ธนาคารจะอำนวยความสะดวกให้บริการลูกค้านอกสถานที่ตามที่ธนาคารและสมาชิกของสมาคมตกลงกัน โดยภายใน MOU โครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยฉบับนี้ครอบคลุมถึงบรรดาผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิกของสมาคม ชมรมผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์กว่า 200 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกันกว่า 30,000 ล้านบาท และเตรียมขยายความร่วมมือไปยังสมาคม ชมรมผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ ที่มีความพร้อมเข้าร่วมโครงการกับ ธอส.ในอนาคตต่อไป

.

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธอส. กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้จะทำให้คนไทยมีบ้านง่ายขึ้น ซึ่ง ธอส.พร้อมที่จะสนับสนุนและอำนวยความสะดวกลูกค้าโครงการทั้งอัตราดอกเบี้ย วงเงินกู้ ขั้นตอนและระยะเวลาในการพิจารณา สินเชื่อ รวมถึงการบริการนอกสถานที่ เป็นต้น โดยมั่นใจว่าความร่วมมือครั้งนี้ จะมีส่วนช่วยทำให้ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ปี 2560 เป็นไปตามเป้าหมาย 178,224 ล้านบาท และยังถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ได้อีกทาง.

 

ที่มา สำนักข่าวไทย

วันที่ 2 กรกฎาคม 2560

ความคิดเห็น