Louis Vuitton ใช้ Facebook Bot สนทนากับลูกค้าออนไลน์ เพิ่มยอดขายแม้ไม่มีพนักงาน

 

 

ถึงแม้พนักงานจะลาหยุด แต่ Louis Vuitton ยังคงได้ผลกำไรจากการใช้หุ่นยนต์ในการช่วยขายสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ มีการเปิดตัวกระเป๋าผ้า canvas duffle ราคา $1,370 และเข็มขัด monogram ราคา $575 โดยเริ่มดำเนินการกับ ”ที่ปรึกษาเสมือนจริง” บน facebook messenger สำหรับลูกค้าในเมือง Palo Alto รัฐ California สหรัฐอเมริกา ได้เริ่มต้นการใช้ Mode.ai (Artificial Intelligence) โดย chatbots จะคอยตอบคำถามของลูกค้าแทนพนักงานทั้งหมด ในแค็ตตาล็อกออนไลน์ของแบรนด์ มีการเพิ่มส่วนของการแสดง catwalk  รวมถึงแก้ไขประวัติ และยังให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลรักษาผลิตภัณฑ์อีกด้วย

เมื่อ LVMH ได้เข้ามาเป็นเจ้าของแบรนด์ผลิตภัณฑ์อย่าง น้ำหอม Christian Dior หรือแชมเปญ Dom Perignon จึงพยายามทำให้อาณาจักรสินค้าระดับไฮเอนด์เหล่านี้ก้าวเข้าสู่โลกยุคดิจิตอล ซึ่งปีนี้บริษัทได้เปิดตัวเว็บไซต์ e-commerce ที่ทำการวบรวมหลายๆ แบรนด์มาไว้ด้วยกัน ทั้งแผนกแฟชั่นเครื่องดื่มและอื่นๆอีกมากมาย ในขณะเดียวกัน Louis Vuitton เองก็ได้สร้างเว็บไซต์ e-commerce แห่งแรกในจีน โดยการเปิดตัวนาฬิกาอัจริยะตัวแรก ชื่อว่า “Tambour Horizon” ราคา $2,450

 

 

Michael Burke คณะกรรมการบริหารของ LVMH ได้กล่าวว่า “ลูกค้าของเราสามารถเชื่อมต่อกับจักรวาลของ Louis Vuitton ได้ทุกที่บนโลกใบนี้ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็ตาม”

 

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แบรนด์ระดับไฮเอนด์อย่าง Burberry Group Plc, ผู้ผลิตน้ำหอมอย่าง Estee Lauder Cos. หรือ ผู้ผลิตนาฬิกาอย่าง Jaeger-LeCoultre ต่างก็พยายามเพิ่มยอดขายของพวกเขาด้วยวิธีการต่างๆ รวมถึงการส่งเสริมการขายโดยใช้บุคคลที่มีอิทธิพล สามารถสร้างกระแสความนิยมเพื่อกระตุ้นยอดขายทางโซเชียลมีเดีย ซึ่งตอบโจทย์การใช้ chatbots ได้เป็นอย่างดี เพราะสามารถพูดคุยกับลูกค้าได้หลายพันคนในเวลาเดียวกัน

 

Facebook Inc. มีการกระตุ้นให้ผู้ค้าปลีกพัฒนา chatbots ซึ่งเป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่จะรักษาผู้ใช้งานบนเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันเอาไว้ ไม่ให้หันไปหาบริการและข้อมูลจากบริษัทอื่น

 

Eitan Sharon ประธานกรรมการบริหารของ Mode.ai ผู้พัฒนาระบบ bot ของ Louis Vuitton ได้กล่าวว่า “พวกเรายังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการนำเทคโนโลยี AI ไปใช้กับอุตสาหกรรมค้าปลีก เราคาดหวังว่าบริษัทต่างๆ จะหันมาใช้ AI เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า และทำให้ลูกค้าได้เข้าถึงประสบการณ์ซื้อของออนไลน์ได้มากขึ้น”

 

 

ที่มา : fortune.com

 

 

 

 

ความคิดเห็น