โสดนี้ไม่มีเหงา เอาใจคนโสดกับ ไอเซกิยะ 相席屋 ร้านจับคู่แบบญี่ปุ่น

 

หลังจากได้อ่านบทความของคุณเกตุวดี Marumura ในเว็บไซต์ของธนาคารกรุงศรี เกี่ยวกับร้านจับคู่สไตล์ญี่ปุ่นแล้ว ต้องขอบอกเลยว่าเรื่องนี้ไม่สามารถที่จะปล่อยผ่านไปโดยไม่เอามาแชร์ให้กับผู้อ่านได้ เพราะในประเทศของเราก็มีจำนวนคนโสดไม่น้อย ง่ายๆ เลย แค่เลื่อนไทม์ไลน์ของ facebook ต้องเจอใครสักคนบ่นถึงความโสด ความเหงา จนกลายเป็นเรื่องที่เราเคยชินไปแล้วกับการต้องเห็นแบบนี้ทุกวัน

 

ถือเป็นทางออกของคนโสดที่อยากคุยกับใครสักคน แต่ไม่รู้ว่าจะคุยกับใครดี ทางเราขอนำเสนอ ร้านจับคู่ “ไอเซกิยะ (相席屋)” ก่อตั้งขึ้นโดยคุณโยโกยามะ แต่ต้องไปไกลหน่อย เพราะว่าร้านนี้อยู่ในประเทศญี่ปุ่น จำนวนการจับคู่ต้องบอกว่าอลังการมาก เพราะปัจจุบันนี้มีถึง 4,301,735 คู่ไปแล้ว

 

 

เมื่อก่อนนั้นการจับคู่ในญี่ปุ่นจะเน้นการจัดปาร์ตี้หรืออีเว้นท์เพื่อให้คนโสดได้มาเจอกัน พูดคุยกัน แต่ละคนมีเวลาไม่มากในการทำความรู้จัก ถึงแม้จะมีผู้ใช้บริการ แต่ค่าใช้จ่ายก็ค่อนข้างสูง แต่โยโกยามะมองเห็นช่องทางในการสร้างตลาดสำหรับคนโสด โดยการสร้างร้าน “ไอเซกิยะ (相席屋)” ขึ้นมา ไอเซกิ แปลว่า นั่งโต๊ะเดียวกันใช้กรณีที่คนแปลกหน้ามาขอนั่งโต๊ะด้วย ซึ่งคอนเซปต์ของทางร้านคือ พาหนุ่มสาวให้มาเจอกันและได้มีช่วงเวลาที่สนุกสนานร่วมกัน

 

เป็นที่น่าสนใจกับกระแสการตอบรับที่รุนแรงของของหนุ่มสาวชาวญี่ปุ่นอย่างมาก เพราะร้าน “ไอเซกิยะ (相席屋)” แห่งแรกเปิดเมือปี 2014 ผ่านไปยังไม่ถึง 4 ปี ร้าน “ไอเซกิยะ (相席屋)” สามารถขยายสาขาได้เกินหนึ่งร้อยสาขาแล้ว

 

 

 

สำหรับกฏกติกาของร้านที่ต้องปฏิบัติตาม มีดังนี้

1 ห้ามมาคนเดียว ต้องชวนเพื่อนเพศเดียวกันให้มาเป็นคู่ เช่น ผู้หญิงชวนผู้หญิง ผู้ชายชวนผู้ชาย

 

2 หากเป็นผู้ชายจะเสียค่าใช้บริการ 1,500 เยนหรือราว 500 บาทต่อ 30 นาที สำหรับวันเสาร์-อาทิตย์ ราคาจะอยู่ที่ 1,800 เยน แต่หากนั่งเกิน 30 นาที ต้องเสียเพิ่ม 500 เยน ทุกๆ 10 นาที ส่วนผู้หญิงนั้นไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ สามารถทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มต่างๆ ได้ฟรี ถือเป็นการสร้างแรงจูงใจที่จะกระตุ้นให้ผู้หญิงมาที่ร้าน ในทางกลับกัน การที่ผู้ชายต้องเสียค่าใช้จ่ายนั้น จะช่วยตัดคนที่ไม่จริงจังกับความรักไปได้ระดับหนึ่ง

 

เมื่อลูกค้ามาที่ร้าน ผู้หญิงจะเข้าไปนั่งรอที่โต๊ะ แล้วถึงจะพาผู้ชายไปแนะนำตัว หากพูดคุยกันถูกคอถูกใจ อาจจะพากันไปต่อที่อื่นได้ แต่หากยังคิดว่าคนที่คุยอยู่นั้นไม่ใช่ สามารขอเปลี่ยนที่นั่งได้ ทางร้านจะมีแผ่นป้ายขอเปลี่ยนที่นั่ง อยู่ที่พนักงานและในห้องน้ำ ลูกค้าสามารถเดินเนียนๆ เอาแผ่นป้ายนี้ไปยื่นให้กับพนักงานได้ ภายในร้านมีการออกแบบฉากกั้นเตี้ยๆ เพื่อความเป็นส่วนตัว ของลูกค้า รวมถึงของเล่นที่วางไว้แต่ละโต๊ะเพื่อให้เล่นแก้เขินได้อีกด้วย

 

 

ธุรกิจร้านจับคู่นี้นอกจากจะเติบโตจนขยายได้เป็นร้อยสาขาแล้ว ยังมีการแตกไลน์ธุกิจออกมาอีก คือ ไอเซกิยะ R30 สำหรับลูกค้าที่อายุเกิน 30 ปีขึ้นไป ไอเซกิยะ Bar สำหรับหนุ่มสาวที่รักการดื่ม และ ไอเซกิยะ Nostalgia มีขนมและเครื่องดื่มสมัยเด็กๆ ให้ได้ทานแทนอาหารทั่วไป เป็นแนวคลาสสิคที่น่าลองไปนั่งดูสักครั้ง

 

 

นอกจากนี้ไอเซกิยะ ยังล้ำหน้าด้วยการสร้างแอปพลิเคชันของตัวเองขึ้นมาให้ได้ใช้ฟรี ซึ่งเจ้าแอปฯ ตัวนี้ มีส่วนลดหรือแต้มสะสม หรือจะค้นหาว่าไอเซกิยะสาขาไหนมีคนใช้บริการเยอะ สัดส่วนหญิงชายที่เข้ามาในร้านมีกี่เปอร์เซ็นต์ หรือถ้าถูกใจคนไหน สามารถคุยกันผ่านแอปฯ ได้ โดยไม่ต้องแลกเบอร์หรือไลน์

 

 

 

ร้านจับคู่ของโยโกยามะไม่ได้คิดแค่สร้างขึ้นมาเพื่อทำกำไรเพียงอย่างเดียว เพราะถึงแม้ว่ากำไรจะเยอะมากแค่ไหน เขาก็ยังใส่ใจความรู้สึกของผู้ที่มาใช้บริการอยู่เสมอ ตั้งแต่การออกแบบร้าน ผังของที่นั่ง เครื่องดื่ม ไปจนถึงการอบรมพนักงาน ซึ่งเหตุผลเหล่านี้มีส่วนทำให้ไอเซกิยะเป็นผู้นำด้านร้านจับคู่มาอย่างยาวนานและมีฐานลูกค้าที่เหนียวแน่น ทั้งยังมีคู่รักที่แต่งงานกันแล้วในชีวิตจริงหลายคู่ทีเดียว

 

 

อยากให้ที่ไทยเปิดร้านจับคู่แบบนี้บ้าง ไม่แน่ว่าคนโสดทั่วประเทศอาจรอที่จะได้ใช้บริการอยู่ก็เป็นได้ เลิกจับคู่แค่ในแอปฯ แล้วมาจับมือคนจริงๆ กันดีกว่า ใครอยากลองเปิดประสบการณ์ บินตรงไปประเทศญี่ปุ่นได้เลย ไม่แน่ว่าเนื้อคู่ของคุณอาจจะอยู่ที่นั่นก็เป็นได้

 

 

ที่มา : www.krungsri.com , www.aiseki-ya.com

 

 

ความคิดเห็น