เผยเทคนิคการแต่งบ้านให้น่าอยู่รับปีใหม่ พร้อมแนะนำ 10 ไอเท็มเด็ด
เทศกาลปีใหม่ นับว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้เริ่มต้นทำสิ่งใหม่ๆ บางคนก็อาจจะมุ่งไปที่เรื่องการออกกำลังกาย บางคนก็อาจจะใส่ใจกับการออมเงิน แต่คุณรู้ไหมคะว่าการแต่งบ้านใหม่ให้น่าอยู่นั้นสามารถเป็นแรงบันดาลใจที่จะก่อให้เกิดเรื่องดีๆในชีวิตได้มากมายเชียวค่ะ คุณอวน-วยา ดุลยบวรกุล นักตกแต่งบ้านสาวสวยมากฝีมือ เจ้าของคอนเซ็ปต์ ‘วยา สไตล์’ (Waya Style) ได้มาแบ่งปันเคล็ดลับในการจัดบ้านให้น่าอยู่ พร้อมแนะนำ 10 ไอเท็มเด็ด ที่จะสามารถเนรมิตบ้านให้สวยขึ้นได้อย่างง่ายดาย
หากมองถึงภาพรวมของบ้านคุณอวน แนะนำว่าให้เริ่มตกแต่ง ห้องนอน เป็นอันดับแรก เพราะเป็นห้องที่เราใช้เวลาอยู่ด้วยนานที่สุด ควรรักษาความสะอาดอยู่สม่ำเสมอ รวมไปถึงกลิ่นในห้องนอนก็ควรผ่อนคลายให้ความรู้สึกว่ากำลังได้พักผ่อน ซึ่งการจุดน้ำมันหอมระเหยอย่างกลิ่นไม้หอม ก็จะทำให้หลับสบายมากขึ้น
ถัดมาที่ ห้องรับแขก ห้องที่เป็นเสมือนหน้าตาของบ้าน ดังนั้นก็ควรมีแจกันดอกไม้เพิ่มความสดชื่นให้กับมุมบ้าน และวางนิตยสารที่ดูน่าอ่าน อาทิ นิตยสารท่องเที่ยว หรือนิตยสารผู้หญิง และอาจวางหมอนเล็กๆ กับผ้าห่มไว้บนโซฟาเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้มุมรับแขกของบ้าน
ต่อมาที่ ห้องครัว ที่แม้จะไม่ใช่มุมเด่นของบ้านแต่เราก็ไม่ควรละเลย หากเราแต่งห้องครัวให้สวยก็จะช่วยให้บ้านสดใสน่าอยู่ขึ้น โดยเราสามารถนำจานน่ารักๆ ที่เคยสะสมมาจัดแสดงโชว์ได้ และหนึ่งสิ่งที่สำคัญในห้องครัวก็คือตู้เย็น เพราะตู้เย็นสามารถสร้างความน่าอยู่ให้บ้านได้เมื่อถูกเปิดออก ซึ่งของที่อยู่ในตู้เย็นก็ควรวางให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นขวดน้ำที่มีดีไซน์เก๋ๆ ขนมแพ็คเกจสวยๆ ผักผลไม้สีสันสดใส ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็จะช่วยให้ตู้เย็นดูสวยงามน่าใช้มากขึ้น
ปิดท้ายที่ ห้องน้ำ บริเวณที่เราควรรักษาความสะอาดอยู่เสมอ และควรเพิ่มความรื่นรมย์ด้วยกลิ่นหอม โดยอาจจะจุดเทียนหอมหรือใช้น้ำยาล้างมือที่มีกลิ่นหอมเป็นตัวช่วย อาจเพิ่มความน่ารักด้วยหนังสือหรือนิตยสาร วางไว้ในห้องน้ำทำให้ดูน่าเข้ามากขึ้น รวมไปถึงการวางพรมตรงพื้นที่วางเท้าจะทำให้ห้องน้ำดูสะอาดน่าเข้ามากขึ้น
นอกจากนี้ คุณอวน- วยา ดุลยบวรกุล ยังได้แนะนำ 10 ไอเท็มเด็ดที่นักแต่งบ้านมือใหม่ต้องมี เพราะสิ่งเหล่านี้จะสามารถเนรมิตบ้านให้สวยน่าอยู่ได้ไม่ยาก
1. ผ้าปูที่นอนผืนใหม่ ลองเปลี่ยนผ้าปูที่นอนจากโทนสีที่เคยใช้ให้เป็นอีกแบบหนึ่ง เช่น ถ้าเคยใช้โทนสีเข้มก็เปลี่ยนเป็นสีอ่อน หรือถ้าเคยใช้ที่เป็นลวดลายก็อาจเปลี่ยนเป็นโทนสีเรียบ เพราะจะช่วยเปลี่ยนอารมณ์ให้กับห้องได้
2.เทียนหอม กลิ่นจะเป็นตัวบ่งบอกบรรยากาศภายในบ้านได้เป็นอย่างดี หากเคยใช้กลิ่นดอกไม้หอม ก็ลองเปลี่ยนเป็นกลิ่นผลไม้แทน ก็จะได้อารมณ์ที่สดใส สดชื่นมากขึ้น
3.เชิงเทียน อาจเปลี่ยนทรงจากเป็นก้านสูงเป็นตะเกียงก็ได้ ก็จะให้ความคลาสสิกไปอีกแบบหนึ่ง
4.ดอกไม้-แจกัน ดอกไม้คือสิ่งจำเป็นสำหรับการแต่งบ้าน ควรมี 3 จุดด้วยกัน ได้แก่ ห้องน้ำ ห้องครัว และห้องรับแขก ถ้าปกติใช้ดอกไม้ไทย ก็ลองเปลี่ยนมาใช้ดอกไม้เมืองนอกดูบ้างเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ เช่น ใบยูคาลิปตัส, มิกกี้เม้าส์, ไฮเดรนเยีย, เดซี่, อะกาแพนทัส และลาเวนเดอร์ แล้วอาจจะเปลี่ยนแจกันจากแก้วเป็นเซรามิค หรือไม้ก็ดูเก๋ไปอีกแบบ
5.หมอน หมอนเล็กๆ ที่อยู่ตามจุดต่างๆ ของบ้าน อาจเปลี่ยนรูปทรง หรือสีให้ดูแปลกตาและทันสมัยขึ้น
6.รูปภาพ ถ้าเคยติดภาพวาด ภาพพิมพ์ ขาว-ดำ อาจเปลี่ยนเป็นภาพวิว ภาพถ่ายที่ดูมีสีสันขึ้น หรืออาจเปลี่ยนเรื่องของขนาดภาพ ถ้าเดิมติดเป็นรูปใหญ่เพียงหนึ่งรูปก็ลองเปลี่ยนเป็นติดรูปเล็กให้เรียงกันหลายๆ รูปแทน
7.โคมไฟ ถ้าเปลี่ยนโคมไฟแนะนำให้เปลี่ยนโคมไฟที่เด่นที่สุดของบ้าน เพราะจะทำให้อารมณ์ของบ้านเปลี่ยนไปทันที สำหรับแหล่งที่แนะนำให้ไปเลือกซื้อก็มีสวนจตุจักรและร้านเฟอร์นิเจอร์แถวทองหล่อ
8.ต้นไม้ อาจลองมาจัดสวนเล็กๆ ในบ้านด้วยต้นไม้จากเมืองหนาวอย่างพวกไม้ใบก็จะช่วยทำให้แปลกตาขึ้นและดูแลได้ง่าย เพราะไม้ใบเจอแสงแค่สัปดาห์ละ 2 ครั้ง รดน้ำแค่สัปดาห์ละ 2-3 ครั้งก็พอ ส่วนพันธุ์ไม้ที่แนะนำก็จะเป็น ต้นสน, ไทรเกาหลี, กวักมรกต, หมากแดง และต้นไม้ตระกูลกระบองเพชร
9.พรม ถ้าเคยใช้สีเรียบหรือพรมเรียบ ก็ลองเปลี่ยนเป็นสีสันหรือเป็นพรมขนสัตว์แทน สำหรับการดูแลรักษาพรมสามารถใช้เครื่องดูดฝุ่นในการทำความสะอาดได้ หรือถ้าเผลอทำน้ำหกก็รีบซับให้แห้งแล้วใช้ไดร์เป่า
10.สีผนังบ้าน อาจเปลี่ยนสีและลายของวอลเปเปอร์ หรือเปลี่ยนสีของผนังไปเลย เพื่อสร้างความแปลกใหม่
คุณอวน-วยา ยังให้คำแนะนำทิ้งท้ายว่า “การแต่งบ้านก็เหมือนการมิกซ์แอนด์แมชท์เสื้อผ้า เราควรรู้ว่าตัวเองชอบสไตล์แบบไหน แล้วค่อยซื้อของมาลองแต่งดู แต่อาจต้องระวังในเรื่องการจัดวาง ความเข้ากัน ซึ่งดูได้จาก รูปทรง ขนาด สี และที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือการจัดไฟถ้าจัดไฟถูกที่ก็จะทำให้บ้านดูสวยขึ้นมาอีก 100% และเราเองก็ไม่ควรลืมที่จะต้องดูแลจัดระเบียบบ้านตลอดเวลา เพราะบ้านคือสิ่งที่บอกความเป็นตัวเรา ความเป็นเราต่อสังคม และบ้านก็คือตัวบ่งบอกความสำเร็จของเราเช่นกัน’