เซ็นทรัลไม่น้อยหน้าดึง 6 ธนาคารใหญ่ผลักดัน QR Code Payment ใช้ทุกห้างในเครือ

 

หลังจากที่เทรนด์สังคมไร้เงินสดกำลังได้รับความนิยมอย่างมากจากทั่วโลก ไทยเองก็ตื่นตัวกับกระแสนี้ไม่น้อย ทั้งธนาคาร ร้านค้าไม่ว่าจะรายใหญ่รายย่อย ต่างหากลยุทธ์และวิธีการปรับตัวกันอย่างดุเดือด ล่าสุดบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN จับมือ 6 ธนาคาร เดินหน้าติดตั้ง QR Code Payment ในร้านค้าของเครือเซ็นทรัลกว่า 32 สาขา เพื่อกระตุ้นสังคมไทยไปสู่สังคมไร้เงินสดแบบเต็มตัว

 

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดของไทยร่วมมือกับ 6 ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารศรีอยุธยา ธนาคารออมสิน ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ เพื่อติดตั้ง QR Code Payment ในร้านค้าของเครือเซ็นทรัล ทั้งในเซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัลพลาซ่า และเซ็นทรัลเฟสติวัล

 

 

ปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานปฏิบัติการกล่าวว่า “ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการยกระดับประสบการณ์ของวงการค้าปลีก ขับเคลื่อนสังคมไทยไปสู่สังคมไร้เงินสด”

 

ตัวเลขที่น่าสนใจ ปกรณ์ ให้ข้อมูลว่า วงการค้าปลีกไทยตอนนี้ใช้เงินสดกันมากถึง 75% ส่วนอีก 25% ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต-เดบิตและ QR Code ที่เพิ่งเริ่มมาเมื่อปลายปี 2017 แต่เมื่อเปรียบเทียบกับอีกหลายประเทศทั่วโลก ไทยยังคงตามหลังอยู่มาก อย่างเช่นในประเทศสวีเดนมีการใช้เงินสดในช่วง 5 ปีที่ผ่าน ลดลง 50% และในปี 2020 อัตราการใช้เงินสดจะลดลงเหลือ 0.5% เท่านั้น ส่วนในวงการค้าปลีกจีนมีการใช้จ่ายผ่าน QR Code ในอัตราที่สูงมาก เช่น 68% ในร้านสะดวกซื้อชำระเงินผ่าน QR Code ส่วนในร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป คิดเป็น 63% และอีก 62% ในห้างสรรพสินค้า

 

เซ็นทรัลมีแผนการกระจาย QR Code Payment ในเครือ ทั้งเซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัลพลาซ่า และเซ็นทรัลเฟสติวัลกว่า 32 สาขาทั่วประเทศ โดยความร่วมมือกับ 6 ธนาคาร ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2018 จะขยายติดตั้งการใช้ QR Code Payment ไปใน 4,000 ร้านค้ารายเล็ก-รายย่อย

 

เฟสแรสจะแบ่งเป็น

– ร้านค้าแบรนด์แฟชั่น 822 แบรนด์

– ร้านค้าไอทีและอิเล็กทรอนิกส์ 805 แบรนด์

– ร้านค้าแบบ Kiosk และผู้เช่ารายย่อยกว่า 1,500 ร้านค้า ได้แก่ Giordano, Guy Laroche, Swatch, Havaianas, Kyo Roll En, Simply W, Mezzo Coffee, Sfree, DOITUNG, Poli-Chem Car Wash, The Rink Ice Area และ Pororo Aquapark Bangkok

ส่วนแบรนด์ร้านค้ารายใหญ่ เซ็นทรัลจะไม่ผลักดันมากในเฟสแรก เพราะเชื่อว่ามีศักยภาพในการปรับตัวอยู่แล้ว แต่จะช่วยส่งเสริมผ่านโปรโมชั่นพิเศษต่างๆ ในเฟสต่อไปของปีนี้

 

 

ประโยชน์อย่างแรกที่จะได้รับคือ ผู้บริโภค จะสะดวกมากขึ้นในการจับจ่ายใช้สอย เพราะจ่ายเงินด้วย QR Code สะดวกสบาย ไม่ต้องพกเงินไปห้างเซ็นทรัล ร้านค้าผู้ประกอบการ (โดยเฉพาะร้านเล็ก-รายย่อย) จะลดต้นทุนในการจัดเก็บเงินสด ไม่ต้องห่วงเรื่องเงินทอนหรือเงินปลอม เพราะจ่ายผ่านระบบออนไลน์ทั้งหมด และสองปัจจัยนี้จะส่งผลต่อ วงการค้าปลีก โดยรวมที่จะเติบโตขึ้นอีกจากความสะดวกสบายและประสบการณ์ใหม่ๆ ที่จะได้จากการจ่ายเงินผ่าน QR Code

 

ส่วนวงการที่จะแข่งกันหนักขึ้นคือ วงการการเงินและการธนาคาร เพราะจริงอยู่ที่ประเทศไทยใช้ QR Payment มาตรฐานเดียว คือสามารถชำระเงินผ่าน QR Code ได้ทุกธนาคาร แต่ในด้านการแข่งขันจะไปตกอยู่ที่ “โปรโมชั่น” ของแต่ละธนาคาร ว่าจะส่งโปรอะไรออกมาเอาใจผู้บริโภค และแม้กระทั่งตัวร้านค้าก็ต้องเลือกว่าจะอยู่กับค่ายไหน สีไหน จะได้รับสิทธิพิเศษมากที่สุด เพราะฉะนั้น ธนาคารแต่ละรายจะต้องแข่งกันทำโปรโมชั่นออกมาอย่างแน่นอน

 

เป้าหมายที่ CPN หรือ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) วางไว้คือ

– เพิ่มยอด traffic คนเดินห้าง จากแต่เดิมทุกสาขาทั่วประเทศรวมกัน มี traffic วันละ 1 ล้านคน แต่หลังจากนี้ ที่จะมีการจ่ายเงินผ่าน QR Code เชื่อว่าห้างในเครือเซ็นทรัลจะเพิ่ม traffic ได้อีกถึง 10% ต่อวัน หรือคิดเป็นวันละ 1.1 ล้านคนเป็นอย่างน้อย

– ยอดผู้ใช้ Mobile Banking จากเดิม 26 ล้านคนทั่วประเทศ จะเพิ่มขึ้นเป็น 30 ล้านคนได้ในปี 2018

– วงการค้าปลีกจะเติบโตขึ้นอีก 10 – 20%

 

ผู้ค้ารายใหญ่อย่างเซ็นทรัลออกมาขับเคลื่อนเองแบบนี้แล้ว สังคมไร้เงินสดในไทยอาจไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป นอกจากผู้บริโภคจะได้ประโยชน์แล้ว ยังถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในการชำระเงิน จากการพกเงินสดหรือกระเป๋าเงินใหญ่ๆ ย่อส่วนให้อยู่บนสมาร์ทโฟนเพียงเครื่องเดียว สะดวก รวดเร็ว ทั้งผู้บริโภคและร้านค้าอีกด้วย

 

 

ที่มา : brandinside.asia

 

 

 

 

ความคิดเห็น