เจาะลึกการทำ IUI คืออะไร มีขั้นตอน และมีข้อดีอย่างไร
ปัจจุบันคนส่วนใหญ่มักจะมีการวางแผนครอบครัว และมีลูกเมื่อพร้อม แต่ปัญหาหลักก็คือ หลายคนพร้อมเมื่ออายุค่อนข้างมาก ทำให้มีปัญหาเรื่องการตั้งครรภ์ ทำให้จะต้องใช้วิทยาการทางการแพทย์เข้ามาช่วย หนึ่งในนั้นก็คือการทำ IUI
การทำ IUI คืออะไร
การทำ IUI หรือ Intra – Uterine Insemination เป็นการฉีดเชื้ออสุจิจากผู้ชาย เข้าไปในโพรงมดลูก ในช่วงที่ไข่ตก ซึ่งจะเป็นวิธีที่ใกล้เคียงกับวิธีการทางธรรมชาติที่สุด จึงปลอดภัย และที่สำคัญคือ มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์สูงกว่าวิธีการทางธรรมชาติ เนื่องจากมีการเก็บเชื้ออสุจิจากฝ่ายชายเอาไว้ และคัดเลือกเอาเชื้ออสุจิที่มีความแข็งแรงเท่านั้น ฉีดเข้าไปในมดลูก ส่วนเชื้ออสุจิที่ไม่แข็งแรงก็จะไม่ผ่านการคัดเลือกเข้าไปในโพรงมดลูกนั่นเอง
สำหรับคู่ที่ไม่มีปัญหาเรื่องสุขภาพ การทำ IUI ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ได้อย่างได้ผล และมีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยาก โดยโอกาสของการตั้งครรภ์จากการทำจะอยู่ที่ประมาณ 10-20 เปอร์เซ็นต์
ขั้นตอนการทำ IUI
สำหรับการทำ IUI มีขั้นตอนที่สำคัญที่เราควรรู้ดังต่อไปนี้
- การเก็บเชื้ออสุจิที่มีความแข็งแรง โดยจะแนะนำให้งดการมีเพศสัมพันธ์ก่อนการเก็บเชื้ออสุจิประมาณ 2-3 วัน เพื่อให้ได้เชื้อที่แข็งแรงและมีคุณภาพดี รวมถึงมีปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการ จากนั้นจึงคัดเลือกเชื้อที่มีความแข็งแรงและสุขภาพดี
- นัดหมายวันที่ฝ่ายหญิงตกไข่ หรือทำการกระตุ้นไข่ เพื่อฉีดเชื้ออสุจิเข้าไปในโพรงมดลูกของฝ่ายหญิง
- ฉีดเชื้ออสุจิที่คัดเลือกแล้วเข้าสู่โพรงมดลูกแบบช้า ๆ
- ถอดอุปกรณ์และนอนพักประมาณ 20-30 นาที หลังจากนั้นประมาณ 2-3 สัปดาห์ค่อยทดสอบการตั้งครรภ์
ข้อดี
การทำ IUI เป็นหนึ่งในวิธีที่หลายคนนิยมทำกันมากที่สุด เพราะเป็นวิธีที่มีผลข้างเคียงน้อย และมีโอกาสที่จะสำเร็จมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่คู่สมรสมีปัญหาอื่น ๆ ร่วมด้วย ตัวอย่างเช่น สุขภาพ อายุ ความแข็งแรงของอสุจิและไข่ ก็อาจจะส่งผลทำให้การทำ IUI ไม่ประสบความสำเร็จ และต้องใช้วิธีอื่น ๆ แทน
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้น
แม้ว่าการทำ IUI จะเป็นวิธีที่ค่อนข้างปลอดภัย และผลข้างเคียงน้อย แต่ก็อาจจะเกิดความเสี่ยงของการมีไข่หลายใบ ทำให้มีบุตรมากกว่า 2 คน ส่งผลต่อการเจริญเติบโตได้ ไปจนถึงการติดเชื้ออักเสบในโพรงมดลูก และภาวะอื่น ๆ ร่วมด้วย
การทำ IUI แม้ว่าจะมีผลข้างเคียงที่ค่อนข้างน้อย และมีอัตราสำเร็จสูง แต่การเลือกคลินิกหรือโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐาน ก็เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ลดผลข้างเคียงดังกล่าว รวมถึงการช่วยให้คำแนะนำให้การทำอย่างถูกวิธี เป็นลำดับขั้นตอนที่ถูกต้องและปลอดภัย มากกว่าการใช้บริการคลินิกทั่วไป