เก่าไปใหม่มา ข้อดี 5G รู้ไว้ไม่เอ้าท์ เข้าใจก่อนได้ใช้จริง

 

ไม่ใกล้ไม่ไกลแล้วกับนวัตกรรม 5G ในไทย ที่เริ่มมีออกมาให้ได้ทดสอบกันบ้างแล้ว ซึ่งเจ้า 5G นี้ จะทำให้ภาคธุรกิจ อุตสาหกรรม การศึกษา การแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยี เกิดการพัฒนาไปกว่าที่เป็นอยู่หลายร้อยเท่าพันเท่า ซึ่ง 5G มันดียังไง ถ้าตอบสั้นๆ เลย คือความเร็ว ที่มากกว่าเดิมแบบมหาศาล และความเสถียรที่จะทำให้ 5G เชื่อมต่อกับทุกอย่างบนโลกใบนี้ได้อย่างไร้ขีดจำกัด

 

หลังจากที่ AIS สร้างปรากฎการณ์รายแรกในไทยทดสอบ 5G ในงาน “5G The First Live in Thailand by AIS” โดยร่วมมือกับ Huawei และ ZTE มีการเปิดให้คนทั่วไปเข้าไปทดสอบด้วยตัวเองได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน – 15 ธันวาคม 2561 ณ AIS DC ชั้น 5 ศูนย์การค้า The Emporium

 

มีการทดสอบทั้งหมด 5 รูปแบบ คือ

 

– 5G Super Speed

การแสดงศักยภาพที่สำคัญของเครือข่าย 5G เช่น ความเร็วในการรับส่งสัญญาณ (Throughput) และความหน่วง (Latency)

 

– 5G Ultra Low Latency – Cooperative Cloud Robot

การสาธิตประสิทธิภาพการตอบสนองที่รวดเร็วของเครือข่าย 5G โดยการใช้หุ่นยนต์สามตัวในการหาจุดสมดุล ที่ทำให้ลูกบอลอยู่กึ่งกลางกระดาน การสาธิตแสดงเวลาที่หุ่นยนต์ใช้ในการหาจุดสมดุลผ่านการสื่อสารระหว่างกันโดยใช้เครือข่าย 4G เปรียบเทียบกับเครือข่าย 5G

 

– 5G for Industry 4.0

หุ่นยนต์จะมีบทบาทอย่างยิ่งสำหรับอุตสาหกรรม 4.0 การทำงานร่วมกันของเครื่องจักรจากหลายสายการผลิตต้องการการเชื่อมต่อไร้สายที่มีความหน่วงต่ำและความน่าเชื่อถือสูง ซึ่งจะทำให้สายการผลิตทำงานได้เร็วขึ้น ยืดหยุ่น และมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการสาธิตหุ่นยนต์ YuMi® Dual-Arm Collaborative Robot จาก ABB ในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต โดยเชื่อมต่อผ่านเครือข่าย 5G

 

– 5G Virtual Reality – immersive video

การสาธิต การดูวีดีโอที่แสดงสภาวะเสมือนจริง (immersive video) ผ่านเครือข่าย 5G ผู้ที่ใส่แว่นตา VR จะสามารถมองเห็นได้รอบด้าน 360 องศา การดูวีดีโอ VR ที่มีความคมชัด ต้องการ Bandwidth ที่สูงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นการถ่ายทอดสด หรือ Live Streaming

 

– 5G FIFA Virtual Reality

ทดลองความเร็วของเครือข่าย 5G ด้วยตัวคุณเอง โดยการเตะลูกบอล Virtual Reality ที่จุดโทษผ่านเครือข่าย 5G

 

การทดสอบทั้ง 5 รูปแบบ ทำให้เราเห็นถึงความรวดเร็วในการประมวลผลการทำงานของ 5G รวมไปถึงเสถียรภาพและประสิทธิภาพที่เรียกได้ว่า เป็นจุดสำคัญในอนาคตอย่างแน่นอน เพราะเทคโนโลยีจะล้ำหน้าไปกว่าเดิม ด้วยการพึ่งพาเจ้า 5G นี้

 

คิดภาพตามแบบง่ายๆ ทุกวันนี้เราใช้สมาร์ทโฟนวันละหลายชั่วโมง เปิดใช้อินเทอร์เน็ตตลอดเวลา ซึ่งปกติ 4G ความเร็วในการดูหนังอาจจะโหลดนานบ้าง เล่นไปโหลดไปกระตุกไปบ้าง หรือโหลดเกมทีใช้เวลานาน เล่นเกมกระตุก ภาพมาเสียงไม่มา เข้าเว็บช้า แต่ 5G จะทำให้เราไม่ต้องเสียเวลารออะไรนานๆ ไม่ต้องมาหงุดหงิดกับเน็ตช้า เน็ตไม่โหลด ดูหนังไม่ได้ เล่นเกมไม่ลื่นอีกต่อไป ทุกอย่างจะสั่งได้ดั่งใจ กดปุ๊บมาปั๊บ คลิ๊กปุ๊บขึ้นปั๊บ ชีวิตเราจะง่ายขึ้นอีกเยอะ

 


มาทบทวนและทำความเข้าใจก่อนตั้งแต่ 1G – 5G คืออะไร แตกต่างกันอย่างไรบ้าง

 

อันดับแรก G ย่อมาจาก Generation ที่แปลว่า ยุค

1G : ใช้ระบบอนาล็อก (Analog) โทรเข้า – ออกได้อย่างเดียว

2G : เปลี่ยนจากอนาล็อกเป็นดิจิตอล (Digital) นอกจากโทรยังส่ง SMS ได้ มีการใช้ GPRS ช่วยเพิ่มความเร็วในการรับส่งข้อมูล และ EDGE เร็วกว่า GPRS สามารถเล่นอินเทอร์เน็ตได้

3G : รับส่งข้อมูลได้รวดเร็ว เชื่อมต่อแบบไร้สายด้วยความเร็วสูง สามารถส่งข้อมูลทั้งภาพและเสียงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เรียกได้ว่าเป็นยุคเริ่มต้นของสมาร์ทโฟนอย่างแท้จริง

4G : ยุคปัจจุบันที่เรากำลังใช้กันอยู่ในขณะนี้ ประเทศส่วนใหญ่จะใช้เทคโนโลยี LTE เร็วกว่า 3G 10 เท่า

4.5G : หรือ LTE – A ( LTE – Advanced ) จะเร็วกว่า 4G เพราะมีการใช้คลื่นความถี่ที่หลากหลาย เราจะเข้าถึงทุกข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นรูป วีดีโอ การสตรีมมิ่ง ไลฟ์สดต่างๆ จะชัดและเร็วมากยิ่งขึ้น

5G : ยังไม่มีการกำหนดมาตรฐานร่วมกันอย่างเป็นทางการ แต่ในหลายประเทศเริ่มมีการทดสอบกันแล้ว จากการทำงานแบบเมกะบิท จะกลายเป็นกิ๊กกะบิทต่อวินาที เร็วกว่า 4G 1,000 เท่า  

 


สรุปข้อดีของ 5G

– ยกระดับความเร็วในการใช้ดาต้า ( Enhanced Mobile Broadband – EMBB ) เน้นความเร็ว เร็วกว่าเดิมหลายพันเท่า

– ขยายขีดความสามารถการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ต่ออุปกรณ์ ( Massive Machine Type Communications – mMTC) เน้นสนับสนุน IoT ที่จะถูกนำมาใช้อย่างมหาศาล

– เพิ่มคุณภาพเครือข่ายให้สามารถตอบสนองได้รวดเร็วและเสถียรที่สุด ( Ultra – reliable and Low Latency Communications) เน้นประสิทธิภาพความเร็วในการตอบสนอง

 

 

ขนาดปัจจุบันอุปกรณ์ที่ขึ้นต้นด้วย Smart ต่างๆ เพียงแค่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตก็สามารถใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา ทั้ง Smart Phone, Smart Home, Smart Mobility, Smart Energy, Smart City สิ่งเหล่านี้เองจะทำให้ทั่วทั้งโลกใช้ชีวิตแบบ Smart Life ส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีควบคู่ไปกับการก้าวหน้าของเทคโนโลยี และ 5G เทคโนโลยีกำลังจะก้าวกระโดดไปอีกขั้น ผู้ใช้งานอย่างเราก็ต้องปรับตัวรับความรวดเร็วของเทคโนโลยีแห่งอนาคตนี้ให้ทันเช่นกัน 

 

 

ที่มา : www.it24hrs.com , www.brandinside.asia , www.techoffside.com

 

 

ความคิดเห็น