อสังหาฯเตรียมรับมือยุค “New Normal” ความปกติแบบใหม่ที่จะเกิดขึ้น หลังพ้น Covid-19

เมื่อวิกฤตการณ์แพร่ระบาดเชื้อไวรัส Covid-19 ไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดเสียที การดำเนินชีวิตและการดำเนินธุรกิจย่อมมีความเปลี่ยนแปลง จากผลกระทบต่างที่ได้รับ ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ร้านค้าขนาดเล็ก หรือร้านทำผม ล้วนแต่ก็ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเจ้าเชื้อไวรัสตัวนี้ แม้กระทั่งกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็เช่นกัน ที่ได้รับผลกระทบจากพฤติกรรมผู้คนที่เปลี่ยนไป เช่น ไม่กล้าเสี่ยงที่จะออกจากบ้านเพราะกลัวโรคระบาด ทำให้กลุ่มธุรกิจอสังหาฯ เร่งปรับตัวกันยกใหญ่ที่ต้องเจอกับ “New Normal” หรือ “ความปกติแบบใหม่” หลังจากหมด Covid-19

ซึ่งในหลายบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาฯก็มีการออกมาตรการช่วยเหลือลูกบ้าน และพนักงาน พร้อมทั้งคุมเข้มเรื่องการป้องกันการแพร่บาดของ Covid-19 อย่างเคร่งครัด การเตรียมรับมือวิกฤตนี้จึงเป็นอีกสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการควรตระหนัก ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจพร้อมกับพัฒนาสินค้าให้แหวกแนวไม่เหมือนใครแต่ตอบโจทย์ลูกค้าทั้งในวันนี้และในอนาคต และในวันนี้คบคิดจะมาแนะนำแนวทางรับมือยุค “New Normal” หลังจากหมด Covid-19

 

 

พัฒนาพนักงานให้เข้าสู่ Micro-Influencer

Micro-Influencer เป็นหนึ่งกลยุทธ์การตลาดที่มาแรงในโลกโซเชียลและได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคมากที่สุด ที่จะเป็นตัวช่วยให้สินค้าของบริษัทเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ง่ายขึ้นผ่านช่องทางออนไลน์ ด้วยการรีวิว พาชมโครงการและห้องตัวอย่าง ผ่าน Youtube Channel  หรือไลฟ์สดผ่านช่องทาง Facebook ด้วยธุรกิจอสังหาฯ เป็นกลุ่มธุรกิจที่มีสินค้าและบริการที่มีความซับซ้อน เข้าใจได้ยาก และต้องการความน่าเชื่อถือสูง ซึ่ง Micro-Influencer จะสามารถสร้างภาพลักษณ์ของพนักงานให้มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น และทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าจะได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนและถูกต้องจากพนักงานที่ให้บริการ

โดยพนักงานแต่ละคนก็จะมีกลุ่มเป้าหมายและวิธีในการเล่าเกี่ยวกับสินค้าแตกต่างกันออกไป ทีมสถาปนิกมีวิธีเล่าแบบหนึ่ง ทีมกราฟิกดีไซเนอร์ก็มีวิธีเล่าอีกแบบหนึ่ง ซึ่งก็จะเป็นแรงผลักดันให้บริษัทนั้นก้าวผ่านวิกฤตการณ์นี้ไปได้อย่างน่าพอใจในระดับหนึ่ง

 

 

 

ซื้อขายบ้านยุคใหม่ ไม่ต้องชมห้องตัวอย่าง

ด้วยการมาของ Covid-19 ที่ทำให้พฤติกรรมการซื้ออสังหาฯ ของผู้บริโภคนั้นเปลี่ยนไป จนเกิดการพูดถึง “New Normal” หรือ “ความปกติแบบใหม่” ที่จะเกิดหลังจากหมด Covid-19 การ Work from Home ทำให้ผู้คนเริ่มเปิดใจกับการเลือกซื้อบ้านหรือคอนโดผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น โดยไม่ต้องเข้าไปชมห้องตัวอย่างจริงที่โครงการ จึงเป็น New Normal แรกที่เห็นได้ชัด เพราะผู้บริโภคส่วนใหญ่ไม่อยากเสี่ยงออกจากบ้านไปเผชิญกับความเสี่ยงของการระบาด Coovid-19 เพียงแค่มีคลิปวิดีโอรีวิวโครงการเท่านั้นก็สามารถดึงความสนใจลูกค้าได้แล้ว ดังนั้นคลิปวิดีโอรีวิวโครงการจะต้องมีความน่าสนใจและแปลกใหม่ เพราะคลิปวิดีโอนี้แหละที่จะเป็นตัวเลือกที่ลูกค้านำไปเปรียบเทียบกับโครงการอื่นเพื่อตัดสินใจซื้อ นอกจากนี้จะมีระบบการจองออนไลน์เพิ่มเข้ามาด้วย เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า ที่จะช่วยให้ลูกค้าสนใจโครงการของเรามากยิ่งขึ้น

ในจีนเองตอนนี้มีแพลตฟอร์มเอเจนซี่ขายอสังหาริมทรัพย์ออนไลน์ชื่อ เหย่าลู่ บนแพลตฟอร์มดังกล่าวมีทีมขายอสังหาฯทั้งสิ้นเพียง 25 คน แต่สามารถสร้างยอดขายได้ถึง 1 หมื่นล้านบาทต่อปี กว่า 40% ของผู้ซื้อสามารถตัดสินใจซื้อโดยไม่ต้องไปเยี่ยมชมโครงการ ในไทยเองต่อไปเราอาจจะได้เห็นผู้ประกอบการหันมาแข่งกันขายคอนโดผ่านออนไลน์ อาจจะมีไลฟ์ขายของพร้อมโปรโมชั่นแบบจำกัดช่วงเวลา เพื่อกระตุ้นยอดขายให้เกิดเร็วขึ้นด้วย

 

เลือกซื้อที่พักไกลที่ทำงานมากขึ้น เพื่อห้องใหญ่ขึ้น

พฤติกรรมการเลือกที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคเป็นอีกหนึ่ง New Normal เมื่อผู้คนส่วนใหญ่เริ่มคุ้นชินกับการ Work From Home ทำให้ผู้บริโภคสามารถมีตัวเลือกในการซื้อที่พักอาศัยได้กว้างขึ้น โดยไม่ทำเป็นต้องจำกัดว่าต้องอยู่ในเขตเมือง และส่วนต่อขยายใหม่ๆ ของรถไฟฟ้าสายต่างๆ และการ Work From Home จะส่งผลให้คนกล้าตัดสินใจซื้อบ้านในสถานีที่ไกลจากที่ทำงานมากขึ้น เพื่อให้ได้ห้องพักขนาดใหญ่ขึ้น ภายใต้งบประมาณเดิม

ในที่นี้บ้านจัดสรรอาจจะไม่มีปัญหาสักเท่าไหร่ในเรื่องของขนาด แต่หากเป็นคอนโดฯ อาจจำเป็นต้องมีขนาดใหญ่เพียงพอ จะต้องมีความยืดหยุ่น (Flexibility) มากขึ้น และมี “WFH Function” ครบถ้วน เพราะภายในห้องอาจกลายเป็นทั้งพื้นที่สำหรับกิน นอน ทำงาน และออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเตียงหรือระเบียง อาจต้องมีฟังก์ชันใช้สอยที่มากกว่าเดิม จะได้ไม่ทำให้คนที่ใช้ชีวิตอยู่ในห้องพักทั้งวันเกิดความรู้สึกเบื่อ นี้จึงเป็นโจทย์สำคัญที่ผู้ประกอบการควรตีให้แตก เพื่อให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่สุด

 

สู่ยุค Touchless, Wellness และ Individual Society

พฤติกรรมการใช้ชีวิตแบบเป็นปัจเจก ก็เป็น New Normal ที่ผู้ประกอบการควรตระหนัก ด้วยที่สังคมกลายเป็น “Individual Society” ที่ทุกคนยังต้องการใช้พื้นที่ส่วนกลางแต่ก็ยังอยากมีความเป็นส่วนตัว และความปลอดภัยของสุขภาพมากขึ้น หน้าที่ของผู้ประกอบการจึงเป็นการสร้างพื้นที่ส่วนกลางที่เติมเต็มชีวิตในรูปแบบนั้นได้ เช่นการนำเทคโนโลยีมาออกแบบการใช้ชีวิตแบบไร้สัมผัส หรือ Touchless เช่น ระบบสแกนจากการจดจำใบหน้า หรือระบบการสั่งการด้วยเสียงสำหรับใช้ในพื้นที่ส่วนกลาง เช่น ลิฟต์ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งาน และยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในด้านการส่งเสริมสุขภาพที่ดีหรือ Wellness อีกด้วย

 

แตกไลน์ธุรกิจ ขับเคลื่อนความเป็น Disruptor

ไม่เพียงแต่โครงการที่อยู่อาศัย แต่อสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นๆ ก็ยังสามารถลุยต่อได้ เช่น ธุรกิจโรงแรม ที่ปรับตัวเป็นโรงแรมเพื่อการเข้าพักเชิงธุรกิจ ผู้เข้าพักส่วนใหญ่เป็นผู้เข้าพักระยะยาวจึงไม่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 มากนัก จนกว่าวิกฤตการณ์นี้จะผ่านพ้นไป ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าธุรกิจโรงแรมจะฟื้นตัวได้เร็วจากความอัดอั้นที่ไม่ได้ออกจากบ้านไปไหนของประชาชนทั้งหลายที่ยังคงมีความต้องการเที่ยวพักผ่อนกับครอบครัวหรือกับเพื่อนอยู่ ดังนั้นผู้ประกอบการจึงควรมองหาช่องทางโอกาสที่มาพร้อมกับวิกฤตนี้ให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการแตกไลน์ธุรกิจออกไปหลายๆทาง หรือสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ ให้ตอบโจทย์ New Normal ของผู้บริโภคต่อไป เพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทในยุควิกฤตการณ์ Covid-19 นี้

 

 

อย่างไรก็ตามการที่กลุ่มธุรกิจอสังหาฯ จะผ่านพ้นไปได้ดีวิกฤตการณ์ Covid-19 แล้วจะต้องเผชิญกับยุค “New Normal” หรือ “ความปกติแบบใหม่” จะต้องอาศัยกลยุทธ์และไอเดียอย่างมาก และจะต้องตามเทรนด์ของผู้บริโภคทุกเวลาและทุกสถานการณ์ เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคแปรผันตามกระแสโลกโซเชียลนั้นเร็วมากที่คิด และเมื่อมองเห็นช่องทางโอกาสเมื่อใดจงรีบคว้าไว้ เพราะเวลาไม่เคยรอใคร โดยเฉพาะในยุค  “New Normal” ที่คนส่วนใหญ่หลัง Work from Home  ช่องทางออนไลน์จึงเป็นช่องทางที่ต้องรีบจับไว้ให้มั่นเลยตอนนี้ ใครทำก่อนได้ก่อนนะ ขอบอก

 

 

อ้างอิง :ประชาชาติธุรกิจ

ความคิดเห็น