มาทำความรู้จัก 4 แบรนด์ยักษ์ใหญ่กับการเป็นผู้นำด้าน E-Wallet กระเป๋าเงินออนไลน์ที่ทุกคนต้องรู้

 

เมื่อกระแสดิจิทัลและ Cashless Society มาแรงจนฉุดไม่อยู่ ทั่วทั้งโลกตระหนักและปรับตัวเข้ากับยุคดิจิทัลได้เป็นอย่างดี ในขณะที่ไทยเองก็มีการตื่นตัวไม่น้อย ที่เห็นได้ชัดคงหนีไม่พ้นการดำเนินกิจกรรมออนไลน์ที่เพิ่มมากขึ้น ตั้งแต่ที่สมาร์ทโฟนพัฒนา ทุกสิ่งทุกอย่างก็เริ่มเข้าสู่โลกสังคมออนไลน์ รวมถึงเงินในบัญชีของเราที่ออนไลน์ได้ทุกที่ ทุกเวลา ผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน อย่าง E-Wallet กระเป๋าเงินออนไลน์ที่ใช้จ่ายได้ง่าย สะดวก รวดเร็วและปลอดภัย

 

E-Wallet คือกระเป๋าเงินออนไลน์ที่เรานำบัตรเครดิตไปเชื่อมเอาไว้ หรือใช้เงินสดเติมลงไปใน E-Wallet ก็ได้ ทำไมถึงต้องใช้บริการ E-Wallet? ด้วยการจ่ายเงินที่รวดเร็ว ไม่ต้องหยิบเงินสดในกระเป๋า ไม่ต้องหาบัตรเครดิตมารูด ก็สามารถจ่ายเงินได้ แถมยังมีโปรโมชันดีๆ ให้ใช้เป็นส่วนลดเวลาซื้อสินค้าและบริการต่างๆ ได้อีกด้วย ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละค่ายว่าจะทำออกมาได้โดนใจผู้ใช้มากแค่ไหน

 

เดี๋ยวนี้อะไรๆ ก็ล้วนแต่จ่ายด้วย Online Payment จึงไม่แปลกหากแต่ละธนาคารมีการแข่งขันกันสูง ทั้งยังจัดโปรการจ่ายเงินด้วย QR Code ออกมาฟาดฟันกันอย่างดุเดือด รวมไปถึงค่ายอื่นๆ ที่ไม่ใช่ธนาคารอย่าง True money, Rabbit Line Pay ถึงแม้จะมีผู้ใช้บริการเยอะก็จริง แต่ก็ยังมีคนอีกจำนวนมากที่ยังคงตามไม่ทันหรือไม่ได้สนใจในเรื่องนี้เท่าไหร่นัก  แต่การรู้ไว้ก่อนย่อมดีกว่า เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นอะไรที่ค่อนข้างใกล้ตัวและอยู่ในชีวิตประจำวันของเรา แถมสังคมก็มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วตามวิวัฒนาการของเทคโนโลยี ดังนั้นวันนี้ kobkid.com เลยจะพาทุกคนไปรู้จัก 4 แบรนด์ยักษ์ใหญ่ที่ถือครองตลาด E-Wallet อยู่ในขณะนี้

 

TrueMoney Wallet / WeCard

True Money Wallet คือแอปพลิเคชันที่เป็นเสมือนกระเป๋าเงินออนไลน์ ซึ่งต้องเติมเงินเข้าไปใน Wallet จึงจะสามารถใช้ได้

 

WeCard คือ เป็นสิ่งที่อยู่ในแอปพลิเคชัน True Money Wallet สามารถใช้ช้อปปิ้งบนร้านค้าออนไลน์หรือตามร้านค้าทั่วไปที่รับบัตร MasterCard ช้อปได้แม้ไม่มีบัตรเครดิต โดยจะมีทั้งบัตรพลาสติกของจริงและบัตรเสมือนในแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet บัตรนี้จะไม่มีการให้วงเงินเครดิต ก่อนใช้บัตรควรเติมเงินใน Wallet ก่อน เพื่อใช้ชำระสินค้าและบริการต่างๆ วิธีการใช้บัตร WeCard ก็ทำได้ง่ายๆ ด้วยการติมเงินสด หรือผูก WeCard เข้ากับ App Store หรือ Play Store ได้ทุกค่ายมือถือ สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อแอปพลิเคชัน

 

 

วิธีการเติมเงิน TrueMoney Wallet มีดังนี้

– ผ่านร้านค้า อย่าง 7-11, CP Fresh Mart, Family Mart, Tops market, True shop หรือผ่านตู้ True Money

 

 

 

 

 

– ผูกบัญชีธนาคากับแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet ผ่านทางตู้ ATM หรือ iBanking ของธนาคารได้ทั้ง ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารทหารไทย ธนาคาร  ธนชาต ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เติมเงินเข้าแอปพลิเคชันได้ง่ายๆ ฟรีค่าธรรมเนียม

 

 

 

– วิธีสุดท้ายผูกบัตร TrueMoney WeCard บน Play Store หรือ App Store โดยเลือกช่องทางการจ่ายเงินด้วย MasterCard และกรอกรายละเอียดเลขบัตรของคุณ เพียงเท่านี้ก็สามารถใช้จ่ายได้สะดวกสบายแล้ว

 

TrueMoney Wallet และ WeCard ใช้กับอะไรได้บ้าง

TrueMoney Wallet และ WeCard สามารถใช้ได้กับการจ่ายเงินด้วยบาร์โค้ด โอนเงิน เติมเงินมือถือ/เติมเน็ต จ่ายบิล ซื้อบัตรเงินสด รวมไปถึงการซื้อของออนไลน์หรือเว็บไซต์ต่างๆ อาทิ Origin, STEAM, Blizzard, itruemart, weloveshopping, Lazada, Zalora, Line, ensogo, zest, Rakuten, Tarad.com, cetral.co.th และ agoda ซื้อตั๋วเครื่องบินออนไลน์ของสายการบิน การบินไทย นกแอร์ แอร์เอเชีย หรือรถทัวร์นครชัยแอร์ แถมจะดูหนังก็ยังมีสิทธพิเศษกับ SF Cinema City, Major Cineplex จะจองบัตรคอนเสิร์ตผ่าน ThaiTicket major ก็ได้ หรือสั่งอาหารออนไลน์กับ KFC, Mc Donald หรือ The Pizza Company ก็มีให้ได้เลือกตามความต้องการ

 

 

สรุปแล้ว TrueMoney Wallet และ WeCard คือกระเป๋าเงินออนไลน์ที่สามารถใช้กับกิจกรรมในชีวิตประจำวันอย่าง การจ่ายบิล การโอนเงิน เติมเงิน เติมเน็ต ซื้อบัตรเงินสด ซื้อของออนไลน์ ซื้อตั๋วเครื่องบิน จองบัตรคอนเสิร์ต หรือสั่งอาหาร ล้วนมีให้เลือกสรรอย่างมากมาย สามารถอำนวยความสะดวกให้กับชีวิตประจำวันของเรา ให้ง่าย สะดวก รวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้นได้ ด้วยการผูกบัตรเครดิตหรือเดบิตเข้ากับ WeCard หรือหักจาก iBanking หรือเติมเงินสดเข้ากระเป๋าเงิน E-Wallet โดยตรง ซึ่งขั้นตอนไม่ยุ่งยากและใช้งานได้ทันที ตอบโจทย์ยุคดิจิทัลที่ต้องการความรวดเร็ว

 

 


 

Rabbit LINE Pay

Rabbit LINE Pay เกิดจากการร่วมมือกันของ LINE Pay กับ Rabbit ซึ่ง LINE Pay จะเป็นบริการที่อยู่เป็นบริการชำระเงินผ่านมือถือ โดยจดจำรหัสใช้งานเพียงรหัสเดียว จากนั้น LINE Pay จะเข้าไปตัดเงินที่อยู่ในบัตรเดบิตหรือวงเงินบัตรเครดิตที่เอาไปผูกไว้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้ LINE สามารถจ่าย โอน ทวงเงิน หรือช้อปปิ้งกับร้านค่าที่ร่วมรายการได้

 

 

สำหรับบัตรเดบิตหรือบัตรเครดิตที่สามารถผูกเข้ากับ Rabbit Line Pay ได้ คือ บัตรเครดิต VISA, MasterCard และ JCB ส่วนบัตรเดบิตที่ผูกได้ คือ ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และ CIMB THAI

 

การสมัคร LINE Pay จำเป็นต้องมีบัตรเดบิตหรือบัตรเครดิตเพื่อเอามาผูกกับบริการของ LINE Pay จากนั้นเติมเงินเข้ากระเป๋าเงิน E-Wallet ของ LINE Pay ก็จะสามารถใช้งานได้ ซึ่งวิธีการเติมเงินมี ดังนี้

 

– ผ่านบัญชีธนาคาร เพียงเชื่อมต่อบัญชีธนาคารพันธมิตรของ Rabbit Line Pay ก็จะเติมเงินได้เพียงใส่รหัส

– ช่องทางออนไลน์ผ่านระบบธนาคาร เช่น Mobile Banking, Internet Banking หรือตู้ ATM

– หน้าร้านค้า โดยแสดงรหัสของฉัน ให้กับร้านค้าที่ร่วมรายการ ดังนี้  McDonald 254 สาขาทั่วประเทศ, ร้านส่งพัสดุ Kerry Express มากกว่า 90 สาขาทั่วกรุงเทพฯ, BTS ทุกสถานี, ศูนย์อาหาร Paragon Food Hall, The Mall Bangkapi, The Mall Thapra, The Mall Ngamwongwan, Emporium, Century Movie Food หรือ อาคาร ทีเอสที ทาวเวอร์ (ชั้น 1)

– ตู้เติมเงิน หน้าตู้บุญเติม (ยกเว้นตู้หน้า 7-11 และ BTS) โดยกรอกหมายเลขอ้างอิง และทำตามขั้นตอน

 

Rabbit LINE Pay ใช้กับอะไรได้บ้าง

Rabbit LINE Pay สามารถใช้ได้กับการซื้อสินค้า ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ สแกนเพื่อจ่ายค่าบริการ โอนเงิน เรียกเก็บหรือทวงเงินจากเพื่อน รวมถึงส่งเงินในกระเป๋า E-Wallet ให้เพื่อนผ่านทาง LINE

 

 

 

 

 

 

สรุปแล้ว Rabbit LINE Pay สามารถใช้ซื้อสินค้าและบริการได้ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ หรือโอนเงิน ทวงเงินในไลน์ได้ สามารถโอนเงินจากธนาคารเข้า LINE Pay ได้แต่ไม่สามารถโอนเงินจาก LINE Pay เข้าธนาคารได้ รวมไปถึงข้อจำกัดของธนาคารที่เชื่อมต่อกับ LINE Pay ยังมีน้อยกว่า เมื่อเทียบกับ TrueMoeny Wallet

 

 



mPAY จากค่าย AIS

mPAY คือบริการรับ โอน จ่ายรูปแบบใหม่ โดยให้บริการโอนเงินจาก mPAY Wallet ไปที่บัญชีพร้อมเพย์ ด้วยการใช้หมายเลขบัตรประชาชน หรือเบอร์มือถือ หรือ E-Wallet ID ผ่าน mPAY App หรือบริการรับเงินจากบัญชีธนาคาร หรือ E-Wallet อื่นๆ ด้วยการใช้ E-Wallet ID หรือสแกนพร้อมเพย์คิวอาร์โค้ดที่ออกโดยธนาคารต่างๆ เพื่อชำระเงินค่าสินค้าหรือบริการจาก mPAY Wallet

 

 

ช่องทางการเติมเงินของ mPAY มีดังนี้

– เติมเงินผ่านตู้ ATM แค่มีบัตร ATM ก็ไปเติมเงินได้ทันที ทั้ง ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารไทยพาณิชย์หรือ SCB CDM ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงศรี ธนาคารทหารไทย ธนาคาร UOB ธนาคารกรุงไทย ธนาคาร CIMB THAI ธนาคาร  ธนชาต

– เติมเงินผ่าน Internet Banking กับธนาคารกรุงเทพ ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารธนชาต และธนาคาร UOB

– เติมเงินผ่าน Mobile Banking กับธนาคารกรุงเทพ ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และธนาคารกสิกรไทย

– เติมเงินผ่าน AIS Shop / Telewiz Shop เติมเงินเข้า mPAY Wallet ได้ง่ายๆ ผ่านจุดให้บริการ AIS Shop หรือ Telewiz Shop ในสาขาที่ให้บริการ

mPAY Station ทุกที่

– สามารถเติมเงินผ่านห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อหรือตู้เติมเงินก็ได้ ไม่ว่าจะไปช้อปที่ไหน ก็แวะเติมเงินเข้า E-Wallet ได้ ทั้งเซ็นทรัล, โรบินสัน, Family Mart, Power Buy, Super Sport, Office Mate, B2S, Tops Market และอื่นๆ อีกมากมาย

– ผูกบัญชีธนาคารกับ mPAY เราสามารถโอนเงินจากบัญชีเข้ามาที่ mPAY Wallet หรือใช้ชำระค่าบริการต่างๆ ได้ทุกที่ ทุกเวลา ทั้งธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงเทพ

– ผูกบัญชีผ่านตู้ ATM กับธนาคารธนาคารกรุงเทพ ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารทหารไทย และธนาคาร UOB

– ผูกบัตรเครดิตผ่าน mPAY App ใช้ได้กับบัตร VISA, MasterCard และ JCB

 

 

ใช้ mPAY กับอะไรได้บ้าง

mPAY สามารถใช้โอนไปที่ไหนก็ได้ง่ายๆ ด้วยบัตรประชาชน หรือเบอร์มือถือ หรือ E-Wallet ID ใช้รับเงินจากทุกช่องทาง ทุกธนาคาร ทุก E-Wallet โอนเงินฟรีค่าธรรมเนียม เมื่อยอดโอนไม่เกิน 5,000 บาท ไม่ต้องพกเงินสด สามารถสแกนจ่ายได้ทุกพร้อมเพย์คิวอาร์โค้ด

 

 

สรุปแล้ว mPAY ของ AIS นั้นมีความสบายตรงที่เราสามารถเติมเงินเข้า E-Wallet ในช่องทางที่หลากหลาย ง่ายดายมากกว่าแบรนด์อื่นๆ แม้ว่า TrueMoney จะเติมได้ที่เซเว่น ซึ่งสาขามีอยู่แทบจะทุกอณูของประเทศ แต่เรื่องช่องทางการเติมเงินถือเป็นจุดสำคัญที่ผู้ให้บริการต้องให้ความสนใจระดับแรกๆ เลยก็ว่าได้

 


 

Samsung Pay

Samsung Pay นวัตกรรมการชำระเงินด้วยสมาร์ทโฟนรูปแบบใหม่ โดยการเพิ่มบัตรเครดิตของเราลงไปในสมาร์ทโฟนและสามารถนำไปใช้ชำระค่าบริการผ่านร้านค้า ร้านอาหาร และบริการต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบาย

 

 

 

 

การันตีความปลอดภัยถึง 3 ระดับที่ติดตั้งมาพร้อมรองรับการใช้งานบนสมาร์ทโฟน ด้วยระแบบ Tokenization ที่ได้รับรองมาตรฐานการใข้งานผ่าน Visa & MasterCard ทั้งยังตรวจสอบและยืนยันตัวตนด้วยลายนิ้วมือ จึงมั่นใจได้ว่าข้อมูลในการชำระเงินผ่าน Samsung Pay มีความปลอดภัยในระดับสูง ซึ่งสมาร์ทโฟนรุ่นต่างๆ มีดังนี้

 

 

Galaxy Note 8 Galaxy Note FE Galaxy Note 5 Galaxy S8+ Galaxy S8 Galaxy S7 edge Galaxy S7 Galaxy S6 edge+ Galaxy S6 Galaxy A9 Pro Galaxy A7 Galaxy A5 Galaxy A3 Galaxy J7Pro Galaxy J5 Pro

 

 

บัตรเครดิตธนาคารที่สามารถใช้กับ Samsung Pay ได้ คือ บัตร KTC ธนาคารซิตี้แบงก์ ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารกรุงเทพ ธนาคาร UOB

 

ใช้ Samsumg Pay ได้กับอะไรบ้าง

ร้านค้าที่ร่วมรายการมากมายทั้ง Fashion & Shopping

 

 

 

Food & Beverages

 

 

Supermarket & Convenience Store

 

 

Entertainment 

 

Miscellaneous

 

สรุปแล้วสำหรับ Samsung Pay มีการใช้งานกับร้านค้าค่อนข้างครอบคลุมและมีให้เลือกมาก อีกทั้งช่องทางการใช้งานก็หลากหลาย แถมหักจากบัตรโดยตรง ไม่ต้องเติมเงินไปมา พกเพียงมือถือเครื่องเดียวก็สามารถไปได้ทุกที่แล้ว และเมื่อเข้าเว็บของ Samsung Pay แล้ว สามารถทำความเข้าใจวิธีการใช้งานได้ง่าย รายละเอียดร้านค้าที่สามารถใช้กับ Samsung Pay ได้ก็บอกอย่างชัดเจน

 


 

จากการศึกษาทั้ง 4 แบรนด์นั้นมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป mPAY มีช่องทางการเติมเงินที่หลากหลายมากกว่า TrueMoney Wallet หรือ Rabbit Line Pay แต่ Samsung Pay เองก็มีประสิทธิภาพในการใช้งานผ่านมือถือ อุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ ที่ทุกคนจะต้องพกติดตัวตลอดเวลา และความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจน คือ mPAY สามารถใช้จ่ายกับร้านค้าได้เยอะกว่า ครอบคลุมมากกว่า ในขณะที่ TrueMoney Wallet เน้นร้านสะดวกซื้อต่างๆ แต่ก็ยังมีสิทธิพิเศษกับกิจกรรมอื่นๆ อีกมาก Rabbit Line Pay เองก็ค่อยๆ ขยายร้านค้าที่สามารถจ่ายเงินผ่าน E-Wallet ออกไปทีละนิดๆ

 

สิ่งที่น่าจับตามองในปี 2018 คือข่าวที่ AIS หันไปร่วมมือกับ Rabbit Line Pay เพื่อรวมกระเป๋าเงินออนไลน์ได้ที่นี่ที่เดียว โดยต่อไปจะไม่มีบริการของ mPAY อีก เพราะ E-Wallet จะเข้าไปอยู่ใน My AIS แทน กลายเป็นแหล่งรวมบริการของ AIS ในขณะเดียวกันกสามารถเข้าผ่าน Rabbit Line Pay ได้ด้วย เข้าได้ 2 ทางแต่กระเป๋าเงินออนไลน์เดียวกัน สำหรับผู้ที่ใช้บริการของ mPAY อยู่ สามารถใช้งานได้ตามปกติ แต่ผู้ใช้ใหม่บริการจะไปอยู่ใน my AIS หรือ Rabbit Line Pay ก็ได้ เพราะไม่ว่าจะใช้อันไหน กระเป๋าเงินก็ยังคงเดิม

 

สุดท้ายแล้วเป้าหมายของทั้ง 4 แบรนด์ ก็ต้องการให้ผู้ใช้งานได้ใช้ง่าย สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยทั้งสิ้น เพราะยิ่งเวลาเปลี่ยนไป อะไรๆ ก็ต้องรวดเร็วทันใจ คาดว่าในอนาคต สังคมไร้เงินสดคงจะใช้เวลาไม่นานในการคืบคลานเข้าสู่คนทั่วโลก สังคมไทยเองก็ต้องศึกษาเอาไว้และใช้ประโยชน์จากกระแสโลกที่จะกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราให้ได้เช่นกัน 

 

หากใครสนใจที่จะใช้บริการ E-Wallet สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ตาม Link ด้านล่างเลย

 

 

อ้างอิงจาก

www.brandinside.asia

www.truemoney.com

www.line.me

www.ais.co.th

www.samsung.com

www.promotions.co.th

 

 

 

ความคิดเห็น