การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรรู้จัก"ความเสี่ยง" ก่อนจะริลงทุน

” การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนโปรดศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน “

ประโยคประจำที่เชื่อว่าคนส่วนใหญ่น่าจะเคยได้ยินผ่านหูมาบ้าง ยิ่งเป็นคนที่จะเป็นนักลงทุนด้วยแล้ว ย่อมไม่น่าพลาดแน่นอน ซึ่งใจความของประโยคนี้ ก็เพื่อเตือนให้นักลงทุนตระหนักและรู้จักศึกษาข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบ ก่อนจะตัดสินใจลงทุนไป แต่นอกจากข้อมูลที่สำคัญแล้ว สิ่งที่เราควรรู้ไว้อีกอย่างก็คือ “ความเสี่ยง”ลักษณะต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้จากการลงทุน เรื่องเหล่านี้คนที่มีประสบการณ์มากก็คงพอมองออกได้ แต่สำหรับมือใหม่ก็ต้องเรียนรู้กันไป มาเริ่มเรียนรู้จากที่เราจะบอกวันนี้ได้เลยครับ


 

เราคงไม่ปฎิเสธว่าในการลงทุนนั้น ยิ่งเสี่ยงมากผลตอบแทนก็ยิ่งสูง หรือ High Risk, High Return แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราจะเสี่ยงไปซะทั้งหมดตลอดเวลาแล้วมันจะดี เพราะในโลกของการลงทุน มันกว้าง มันเร็ว มันหลากหลาย คาดเดาไม่ได้ เสมือนสายน้ำที่จะไหลไปทิศทางไหน ก็ไม่มีใครทราบได้ เวลามีค่าตลอด เหตุการณ์ในสังคมที่เปลี่ยนแปลงนิดเดียว ก็ส่งผลต่อการลงทุนได้มหาศาล การเป็นนักลงทุนที่มีการวางแผนที่ดี เข้าใจความเสี่ยงอย่างถ่องแท้ต่างหาก ที่จะทำให้เราสามารถอยู่ร่วมกับความเสี่ยง และบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพจริงๆ ดีกว่าไปเดินหน้าเสี่ยงโชคโดยไม่มีความรู้

“ความเสี่ยง”ในการลงทุนมีอยู่หลากหลายประเภทจากหลายสาเหตุ เราจะมาไล่ดูกันไปทีละประเภทนะครับ

 

– การลงทุนในสิ่งที่ไม่รู้จริง

ความเสี่ยงในแต่ละแบบย่อมมีความแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในหุ้น กองทุน ทองคำ ตราสารหนี้ หรืออสังหาริมทรัพย์ โดยเรื่องพื้นฐานอย่างแรก และมีความสำคัญที่สุด คือเราควรมีข้อมูลที่จำเป็นและควรรู้ก่อน ศึกษารายละเอียดอย่างละเอียดรอบคอบ ต้องรู้ลึกรู้จริง เพื่อนำข้อมูลที่เรามีอยู่มาวางแผนในการลงทุนได้ เพราะหากเราเลือกทำการลงทุนในเรื่องที่เรารู้ และมีข้อมูล ก็จะช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนในเรื่องนั้นๆลงไปได้

 

– สภาพคล่องทางการเงิน

นักลงทุนที่ดีต้องบริหารเงินเป็นแบ่งเงินเป็นสัดส่วน สร้างสภาพคล่องทางการเงินให้กับตนเองได้ แต่บางครั้งการถือครองทรัพย์สินบางอย่าง ก็อาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อสภาพคล่องทางการเงินได้ ยกตัวอย่างการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เป็นการลงทุนที่ต้องใช้เงินจำนวนมาก จึงต้องมีการเลือกทรัพย์ที่จะลงทุนเป็นอย่างดี หากเราไปเลือกอสังหาฯที่อยู่ในทำเลที่ทำเลไม่ดี หรือมีสภาพไม่ดี ก็อาจจะทำให้ขายหรือปล่อยเช่าต่อได้ยาก ไม่มีลูกค้าสนใจ ทำให้เงินที่ลงไปจม  จะนำออกมาใช้ต่อก็ไม่ได้จนอาจต้องยอมขายขาดทุนไปเลยก็มี

 

– การลงทุนต่อ

ต่อจากสภาพคล่องก็คือว่า ในการลงทุนนั้น บางครั้งการที่เรานำเงินไปลงทุนต่อยอดอย่างอื่นๆ หรือเรียกว่าเงินต่อเงิน อาจเกิดความเสี่ยงเพราะการลงทุนอาจไม่ได้การันตีผลตอบแทนที่แน่นอน แทนที่การต่อเงินจะสร้างกำไร เราอาจขาดทุนก็ได้หากตัดสินใจผิดพลาด เช่น สมมุติเราปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์อย่างคอนโดฯ เดิมอาจทำรายได้ที่ปีละ 10% แต่พอมีคอนโดฯใหม่มาเปิดใกล้ๆ ซึ่งทั้งใหม่และดีกว่า น่าสนใจสำหรับการลงทุนยิ่งนัก บางคนมีเงินก็แบ่งเงินอีกก้อนมาลงทุนได้ แต่บางคนอาจต้องขายคอนโดเดิมเพื่อมาซื้อคอนโดใหม่ แต่ปรากฎผลตอบแทนได้น้อยกว่าเดิม แต่ลงทุนไปใช้เงินจำนวนมากขึ้น การจะลงทุนต่อเงินจึงควรระมัดระวังและศึกษาให้รอบคอบก่อนทุกครั้ง

 

– อัตราแลกเปลี่ยน

สำหรับคนที่ลงทุนในตลาดหุ้น หรือลงทุนในตลาดเงิน คนที่ต้องมีการชำระเงินผ่านอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ ควรระวังเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน รวมถึงการนำเข้าส่งออกสินค้าหรือบริการระหว่างประเทศด้วย เพราะอัตราแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งไม่แน่นอนวันนี้อาจสูงวันหน้าอาจต่ำก็ได้ เช่น ตกลงซื้อขายวันนี้ยังมีอัตาแลกเปลี่ยนสูง แต่พอผ่านไปถึงกำหนดชำระ อัตราแลกเปลี่ยนอาจต่ำลงไปก็ได้ส่งผลให้ทำให้กำไรไม่เป็นไปตามที่คิดไว้ ในกรณีนี้ป้องกันได้ด้วยการทำสัญญาซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้าเอาไว้ก่อน

 

– อัตราเงินเฟ้อ

อัตราเงินเฟ้อ เป็นหนึ่งในความเสี่ยงที่แม้จะไม่ได้รุนแรงมากแต่ก็เป็นภัยเงียบที่น่ากลัวไม่น้อย เพราะเงินที่ปล่อยไว้เฉยๆมันก็จะเฟ้อเอง ถ้าดอกเบี้ยที่เราได้ต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อ เราจะกลายเป็นขาดทุนทั้งๆที่เราดูเหมือนได้กำไร โดยเฉลี่ยอัตราเงินเฟ้อจะคิดกันอยู่ที่ประมาณ 3% สมมุติมีเงินที่จะต้องใช้ลงทุนปีหน้าอยู่ 100 ล้านบาท แล้วปีหน้ามีอัตราเงินเฟ้อ3% จากร้อยล้านเราอาจต้องเตรียมถึง 103 ล้านบาทแทน เป็นความเสี่ยงที่ทำให้ขาดทุนได้ง่ายๆหากเราชะล่าใจ

 

– อัตราดอกเบี้ย

การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย เป็นสิ่งที่ส่งผลต่อผลตอบแทนในการลงทุนของเรา ซึ่งบางครั้งก็คาดเดาไม่ได้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอกและสภาพเศรษฐกิจในขณะปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น เรากู้เงินลงทุนซื้อคอนโดเพื่อปล่อยเช่า เราอาจจะคำนวณดอกเบี้ยตายตัวไว้แล้ว แต่เวลาผ่านไป อาจเกิดการผันผวน อัตราดอกเบี้ยอาจปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ไม่ตรงตามที่เคยวางแผนไว้ และเราอาจต้องจ่ายเงินเพื่อผ่อนหรือลงทุนเพิ่มขึ้นนั่นเอง

 

– การผิดนัดชำระหนี้

การผิดนัดชำระหนี้เป็นความเสี่ยงที่เกิดจากพฤติกรรมของเราเอง ซึ่งอาจส่งผลต่อจำนวนเงินต้นหรืออัตราดอกเบี้ยได้ แม้จะเป็นการลงทุนด้วยจำนวนเงินที่ไม่มาก แต่ก็อาจกระทบต่อระบบการเงินหมุนเวียนหรือการลงทุนของเรา เช่น การใช้บัตรเครดิตรูดซื้อของเพื่อมาลงทุนเปิดร้าน แต่เราผิดนัดชำระหนี้ จำนวนเงินต้นที่เราจะเอาไปรูดเพื่อซื้อของมาขายต่อก็จะลดลง และดอกเบี้ยจากการรูดบัตรเครดิตก็จะเพิ่มมากขึ้น ทำให้เราสูญเสียดุลยภาพทางการเงิน

 

ทั้งหมดนี้ก็คือความเสี่ยงต่างๆที่นักลงทุนควรรู้ไว้ อาจจะไม่ได้ละเอียดมากนัก แต่ก็น่าจะพอเป็นประโยชน์ให้สามารถเตรียมตัวรับมือกับปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต แต่ท้ายที่สุด ถ้าคิดจะลงทุนยังไงก็เลี่ยงไม่ได้กับความเสี่ยง ต้องกล้าเสี่ยงและเตรียมตัวรับมือให้พร้อม เพราะความเสี่ยงที่เราเข้าใจและรับมือได้ ความเสี่ยงนั้นก็จะไม่ใช่ความเสี่ยงและไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป

 

ที่มา: estopolis

ความคิดเห็น