พรีวิว Lumpini Park Riverside Rama 3 condominium ลุมพีนี พาร์ค ริเวอร์ไซด์ พระราม 3 คอนโดมิเนียม

ลุมพินี พาร์ค ริเวอร์ไซด์ พระราม 3

lumpini-park-rama320161130-010
ประเภทโครงการ คอนโดมิเนียมสูง 36 ชั้น จำนวน 4 อาคาร
ที่ตั้งโครงการ ถนน สาธุประดิษฐ์ -พระราม 3 ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา
เนื้อที่โครงการ 14 ไร่
จำนวน 2,500 ยูนิต
เปิดขายโครงการ ตุลาคม 2553

ประเภทห้องพัก
– Studio-1ห้องนอน ขนาด 28-32 ตารางเมตรขึ้นไป ราคาขายเริ่มต้น 1.6 ล้านบาท
– 2 ห้องนอน ขนาด 60 ตารางเมตร
– Penthouse ขนาด 105 ตารางเมตร จำนวน 12 ยูนิต ราคาตารางเมตรละ 120,000 บาท หรือขายในราคายูนิตละ 12 ล้านบาท ซึ่งสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของแม่น้ำเจ้าพระยา
– Home condo office สามารถทำเป็นสำนักงานได้ โดยมีพื้นที่ใช้สอย 3 ชั้น จำนวน 20 ยูนิต ราคาขายยูนิตละ 10 กว่าล้านบาท ตั้งอยู่ด้านหน้าของโครงการ

แผนที่โครงการ

lumpini-park-rama320161130-009

ที่ตั้งโครงการ

lumpini-park-rama320161130-002

มุมมองจากถนนพระราม3

lumpini-park-rama320161130-003

ภาพถ่ายจากฝั่งตรงข้ามโครงการ

lumpini-park-rama320161130-005

ภาพบริเวณ Site ก่อสร้างโครงการ

lumpini-park-rama320161130-004

มุมมองไปยังแม่น้ำเจ้าพระยา จากท่าเรือสาธุประดิษฐ์ ที่อยู่ใกล้กับโครงการ

lumpini-park-rama320161130-006

รายละเอียดการซื้อที่ดิน

lumpini-park-rama320161130-007

 

โครงการนี้LPN เจาะกลุ่มลูกค้าค้อนข้างกว้าง แต่แต่รับกลางจนถึงระดับบน คอนโดของLPN ลูกค้าระดับกลางข้างยอมรับ คราวนี้เลยขอเจาะกลุ่มบนมั่ง
แต่ดูจาก Room Type แบบห้องค่อนข้างหลากหลายมากๆ

lumpini-park-rama320161130-001

ภาพบรรยากาศบริเวณโครงการ จากเวบ LPN ครับ

lumpini-park-rama320161130-008

แอล.พี.เอ็น. เปิดขายโครงการริมแม่น้ำเจ้าพระยา “ลุมพินี พาร์ค ริเวอร์ไซด์-พระราม 3” 30 ต.ค.นี้ คาดปิดการขายได้หมด 2,373 ยูนิตในวันเดียวเหตุลิสต์ลูกค้าลงทะเบียนรับบัตรคิวเกินจำนวนยูนิตอยู่ที่ 2,500 รายแล้ว ขณะที่ผู้บริหารทบทวนแผนธุรกิจใหม่เปิดกว้างการลงทุนโดยปีหน้าซื้อที่ดิน 3,000 ล้านบาทผุด 10 โครงการ

นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)(LPN) เปิดเผยว่าในวันที่ 30 ตุลาคม 2553 นี้ บริษัทพร้อมเปิดตัวโครงการ “ลุมพินี พาร์ค ริเวอร์ไซด์-พระราม 3” คอนโดมิเนียมริมถนนพระราม 3 บนโค้งน้ำที่ดีที่สุดของแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งทุกยูนิตเห็นวิวแม่น้ำ พร้อมสวนรวมใจสไตล์รีสอร์ต ด้วยมูลค่าโครงการ 5,500 ล้านบาท เป็นอาคารสูงประมาณ 36 ชั้น 4 อาคาร จำนวนรวม 2,373 ยูนิต บนเนื้อที่กว่า 14 ไร่ ในราคาเริ่มต้นเพียง 1.68 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่มีมูลค่าสูงที่สุดเท่าที่บริษัทเคยพัฒนามา

ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่าจะประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี เนื่องจากมีลูกค้าให้ความสนใจโทรศัพท์เข้ามาสอบถามรายละเอียดโครงการจำนวนมาก พร้อมแสดงความจำนงที่จะเข้าเยี่ยมชม และลงทะเบียนรับบัตรคิวล่วงหน้าแล้ว 2,500 ราย จากจำนวนห้องชุดทั้งสิ้น 2,400 ยูนิต โดยคาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ 100% ในวันเปิดจอง

ส่วนเหตุผลที่ทำให้โครงการลุมพินี พาร์ค ริเวอร์ไซด์-พระราม 3 น่าจะเป็นอีกโครงการหนึ่งที่ประสบความสำเร็จเพราะจุดเด่นของทำเลที่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา การดีไซน์ห้องชุดในรูปแบบ LPN New Design โดยเพิ่มรูปแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 32 ตร.ม. เพื่อรองรับทุกไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัย สามารถสัมผัสกับวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้ทั้งห้องลีฟวิ่งรูมและห้องนอนซึ่งปกติห้องชุดทั่วไปจะสัมผัสวิวได้เฉพาะห้องนอนเท่านั้น และมีราคาขายเริ่มต้นที่ 1.68 ล้านบาทสำหรับขนาด 28 ตร.ม.ที่มีจำนวนยูนิตที่มากพอรองรับลูกค้าที่มีกำลังซื้อน้อย มีตั้งแต่ขนาด 28,40.63.50,67.50,103.50 และ105 ตร.ม.โดยขนาด 103.50 ตร.ม.ราคาจะอยู่ที่ 7-8 ล้านบาท ส่วนราคาขายต่อตร.ม.เฉลี่ยอยู่ที่ 60,000 กว่าบาท นอกจากนั้นยังมีสวนส่วนกลางมีพื้นที่ 4.5 ไร่มีการเชื่อมต่อสายน้ำเจ้าพระยาเข้าสู่ภายในโครงการสร้างความน่าอยู่ให้กับโครงการอีกด้วย

อย่างไรก็ดี ภายในโครงการมีส่วนของอาคารแนวราบด้วย ประกอบด้วยส่วนของทาวน์วิลล่า จำนวน 20 หลังขนาดหลังละ 3 ชั้น ราคาขายยูนิตละ 10 ล้านบาทขึ้นไป และส่วนของริเวอร์ วิลล่า ที่เป็นด้านหน้าของแม่น้ำเจ้าพระยาจำนวน 12 ยูนิต สูงประมาณ 5 ชั้น ราคาสูงกว่า 10 ล้านบาทแต่ไม่ถึง 20 ล้านบาทแต่ยังไม่ได้มีการเปิดขาย

สำหรับการเปิดตัวขายโครงการลุมพินี พาร์ค ริเวอร์ไซด์-พระราม 3 นี้จะทำให้ยอดขายของแอล.พี.เอ็น.ในปีนี้น่าจะอยู่ที่ 15,000-16,000 ล้านบาทสูงกว่าเป้า 13,000 ล้านบาทที่ตั้งไว้ โดยยอดขายประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาทจะรับรู้ในปี 2554 และในไตรมาส 4/2553 จะเป็นไตรมาสที่บริษัทจะมีรายได้สูงสุดเพราะบริษัทจะต้องส่งมอบห้องชุดจำนวน 5,000 ยูนิตนับจากนี้จนถึงสิ้นปี ซึ่งเดือนที่ผ่านมาส่งมอบไปแล้ว 1,000 ยูนิต
สำหรับปีหน้า บริษัทตั้งเป้ายอดขายเพิ่มกว่า 10% อยู่ที่ 18,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้รายได้เติบโตตามเป้า 20% อยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท

นายโอภาส กล่าวต่อว่า แม้ผู้ประกอบการยักษ์ใหญ่จะหันลงมาทำห้องชุดในตลาดคอนโดฯ ราคา 1 ล้านต้นๆ ที่บริษัทจับอยู่แต่บริษัทเชื่อว่าด้วยทำเล จุดแข็งของด้านงานก่อสร้างอาคารสูง และการบริหารจัดการหลังการขายภายใต้แนวคิดชุมชนน่าอยู่จะทำให้บริษัทสามารถแข่งขันกันในตลาดได้ นอกจากนั้นตลาดดังกล่าวมีขนาดฐานตลาดที่ใหญ่ถึง 65% ของคนทำงาน (เงินเดือนไม่เกิน 1.5 หมื่นบาท) ซึ่งเติบโตขึ้นทุกปีตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศจึงยังมีความต้องการห้องชุดในราคาไม่แพงที่สูงอยู่

ขณะเดียวกันบริษัทก็อยู่ระหว่างดำเนินการทบทวนการดำเนินธุรกิจใหม่ด้วยการมองไปข้างหน้า 3 ปีเริ่มตั้งแต่ปี 2554-56 ที่บริษัทจะเปิดกว้างด้านการลงทุน เพิ่มความหลากหลายในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยมากขึ้นไม่จำกัดเฉพาะ คอนโดมิเนียม โดยจะเริ่มเห็นทาวน์เฮ้าส์ระดับราคา 3-5 ล้านบท เป็นโครงการแรกดำเนินการภายใต้บริษัทลูก คือพรสันติ รวมถึงการขยายโครงการสู่ต่างจังหวัด เช่น ที่พัทยา โดยบริษัทมีแบรนด์แอล.พี.เอ็น.เป็นต้นทุนอยู่แล้ว โดยขณะนี้บริษัทมีลิสต์ลูกค้าบอกต่อปากต่อปากประมาณ 150,000 ราย จากลิสต์รายชื่อผู้ที่แวะเวียนเข้ามาเยี่ยมชมไซซ์ของโครงการแอล.พี.เอ็น.จำนวน 600,000-700,000 ราย

ส่วนแผนของปีหน้า บริษัทมีแผนพัฒนาโครงการใหม่ประมาณ 10 โครงการ โดยใช้งบซื้อที่ดิน 2,000 ล้านบาท และล่าสุดมีการอนุมัติงบจากบอร์ดเพื่อซื้อที่ 1,000 ล้านบาทซึ่งอยู่ระหว่างเจรจาซื้อที่ดิน 3 แปลงรองรับกับแผนขึ้นโครงการใหม่ในช่วงไตรมาส 1/2554

ข้อมูลเดือน ตุลาคม 2553

ความคิดเห็น