พรีวิว Lumpini Park Riverside Rama 3 condominium ลุมพีนี พาร์ค ริเวอร์ไซด์ พระราม 3 คอนโดมิเนียม
ลุมพินี พาร์ค ริเวอร์ไซด์ พระราม 3
ประเภทโครงการ คอนโดมิเนียมสูง 36 ชั้น จำนวน 4 อาคาร
ที่ตั้งโครงการ ถนน สาธุประดิษฐ์ -พระราม 3 ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา
เนื้อที่โครงการ 14 ไร่
จำนวน 2,500 ยูนิต
เปิดขายโครงการ ตุลาคม 2553
ประเภทห้องพัก
– Studio-1ห้องนอน ขนาด 28-32 ตารางเมตรขึ้นไป ราคาขายเริ่มต้น 1.6 ล้านบาท
– 2 ห้องนอน ขนาด 60 ตารางเมตร
– Penthouse ขนาด 105 ตารางเมตร จำนวน 12 ยูนิต ราคาตารางเมตรละ 120,000 บาท หรือขายในราคายูนิตละ 12 ล้านบาท ซึ่งสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของแม่น้ำเจ้าพระยา
– Home condo office สามารถทำเป็นสำนักงานได้ โดยมีพื้นที่ใช้สอย 3 ชั้น จำนวน 20 ยูนิต ราคาขายยูนิตละ 10 กว่าล้านบาท ตั้งอยู่ด้านหน้าของโครงการ
แผนที่โครงการ
ที่ตั้งโครงการ
มุมมองจากถนนพระราม3
ภาพถ่ายจากฝั่งตรงข้ามโครงการ
ภาพบริเวณ Site ก่อสร้างโครงการ
มุมมองไปยังแม่น้ำเจ้าพระยา จากท่าเรือสาธุประดิษฐ์ ที่อยู่ใกล้กับโครงการ
รายละเอียดการซื้อที่ดิน
โครงการนี้LPN เจาะกลุ่มลูกค้าค้อนข้างกว้าง แต่แต่รับกลางจนถึงระดับบน คอนโดของLPN ลูกค้าระดับกลางข้างยอมรับ คราวนี้เลยขอเจาะกลุ่มบนมั่ง
แต่ดูจาก Room Type แบบห้องค่อนข้างหลากหลายมากๆ
ภาพบรรยากาศบริเวณโครงการ จากเวบ LPN ครับ
แอล.พี.เอ็น. เปิดขายโครงการริมแม่น้ำเจ้าพระยา “ลุมพินี พาร์ค ริเวอร์ไซด์-พระราม 3” 30 ต.ค.นี้ คาดปิดการขายได้หมด 2,373 ยูนิตในวันเดียวเหตุลิสต์ลูกค้าลงทะเบียนรับบัตรคิวเกินจำนวนยูนิตอยู่ที่ 2,500 รายแล้ว ขณะที่ผู้บริหารทบทวนแผนธุรกิจใหม่เปิดกว้างการลงทุนโดยปีหน้าซื้อที่ดิน 3,000 ล้านบาทผุด 10 โครงการ
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)(LPN) เปิดเผยว่าในวันที่ 30 ตุลาคม 2553 นี้ บริษัทพร้อมเปิดตัวโครงการ “ลุมพินี พาร์ค ริเวอร์ไซด์-พระราม 3” คอนโดมิเนียมริมถนนพระราม 3 บนโค้งน้ำที่ดีที่สุดของแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งทุกยูนิตเห็นวิวแม่น้ำ พร้อมสวนรวมใจสไตล์รีสอร์ต ด้วยมูลค่าโครงการ 5,500 ล้านบาท เป็นอาคารสูงประมาณ 36 ชั้น 4 อาคาร จำนวนรวม 2,373 ยูนิต บนเนื้อที่กว่า 14 ไร่ ในราคาเริ่มต้นเพียง 1.68 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่มีมูลค่าสูงที่สุดเท่าที่บริษัทเคยพัฒนามา
ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่าจะประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี เนื่องจากมีลูกค้าให้ความสนใจโทรศัพท์เข้ามาสอบถามรายละเอียดโครงการจำนวนมาก พร้อมแสดงความจำนงที่จะเข้าเยี่ยมชม และลงทะเบียนรับบัตรคิวล่วงหน้าแล้ว 2,500 ราย จากจำนวนห้องชุดทั้งสิ้น 2,400 ยูนิต โดยคาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ 100% ในวันเปิดจอง
ส่วนเหตุผลที่ทำให้โครงการลุมพินี พาร์ค ริเวอร์ไซด์-พระราม 3 น่าจะเป็นอีกโครงการหนึ่งที่ประสบความสำเร็จเพราะจุดเด่นของทำเลที่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา การดีไซน์ห้องชุดในรูปแบบ LPN New Design โดยเพิ่มรูปแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 32 ตร.ม. เพื่อรองรับทุกไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัย สามารถสัมผัสกับวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้ทั้งห้องลีฟวิ่งรูมและห้องนอนซึ่งปกติห้องชุดทั่วไปจะสัมผัสวิวได้เฉพาะห้องนอนเท่านั้น และมีราคาขายเริ่มต้นที่ 1.68 ล้านบาทสำหรับขนาด 28 ตร.ม.ที่มีจำนวนยูนิตที่มากพอรองรับลูกค้าที่มีกำลังซื้อน้อย มีตั้งแต่ขนาด 28,40.63.50,67.50,103.50 และ105 ตร.ม.โดยขนาด 103.50 ตร.ม.ราคาจะอยู่ที่ 7-8 ล้านบาท ส่วนราคาขายต่อตร.ม.เฉลี่ยอยู่ที่ 60,000 กว่าบาท นอกจากนั้นยังมีสวนส่วนกลางมีพื้นที่ 4.5 ไร่มีการเชื่อมต่อสายน้ำเจ้าพระยาเข้าสู่ภายในโครงการสร้างความน่าอยู่ให้กับโครงการอีกด้วย
อย่างไรก็ดี ภายในโครงการมีส่วนของอาคารแนวราบด้วย ประกอบด้วยส่วนของทาวน์วิลล่า จำนวน 20 หลังขนาดหลังละ 3 ชั้น ราคาขายยูนิตละ 10 ล้านบาทขึ้นไป และส่วนของริเวอร์ วิลล่า ที่เป็นด้านหน้าของแม่น้ำเจ้าพระยาจำนวน 12 ยูนิต สูงประมาณ 5 ชั้น ราคาสูงกว่า 10 ล้านบาทแต่ไม่ถึง 20 ล้านบาทแต่ยังไม่ได้มีการเปิดขาย
สำหรับการเปิดตัวขายโครงการลุมพินี พาร์ค ริเวอร์ไซด์-พระราม 3 นี้จะทำให้ยอดขายของแอล.พี.เอ็น.ในปีนี้น่าจะอยู่ที่ 15,000-16,000 ล้านบาทสูงกว่าเป้า 13,000 ล้านบาทที่ตั้งไว้ โดยยอดขายประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาทจะรับรู้ในปี 2554 และในไตรมาส 4/2553 จะเป็นไตรมาสที่บริษัทจะมีรายได้สูงสุดเพราะบริษัทจะต้องส่งมอบห้องชุดจำนวน 5,000 ยูนิตนับจากนี้จนถึงสิ้นปี ซึ่งเดือนที่ผ่านมาส่งมอบไปแล้ว 1,000 ยูนิต
สำหรับปีหน้า บริษัทตั้งเป้ายอดขายเพิ่มกว่า 10% อยู่ที่ 18,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้รายได้เติบโตตามเป้า 20% อยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท
นายโอภาส กล่าวต่อว่า แม้ผู้ประกอบการยักษ์ใหญ่จะหันลงมาทำห้องชุดในตลาดคอนโดฯ ราคา 1 ล้านต้นๆ ที่บริษัทจับอยู่แต่บริษัทเชื่อว่าด้วยทำเล จุดแข็งของด้านงานก่อสร้างอาคารสูง และการบริหารจัดการหลังการขายภายใต้แนวคิดชุมชนน่าอยู่จะทำให้บริษัทสามารถแข่งขันกันในตลาดได้ นอกจากนั้นตลาดดังกล่าวมีขนาดฐานตลาดที่ใหญ่ถึง 65% ของคนทำงาน (เงินเดือนไม่เกิน 1.5 หมื่นบาท) ซึ่งเติบโตขึ้นทุกปีตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศจึงยังมีความต้องการห้องชุดในราคาไม่แพงที่สูงอยู่
ขณะเดียวกันบริษัทก็อยู่ระหว่างดำเนินการทบทวนการดำเนินธุรกิจใหม่ด้วยการมองไปข้างหน้า 3 ปีเริ่มตั้งแต่ปี 2554-56 ที่บริษัทจะเปิดกว้างด้านการลงทุน เพิ่มความหลากหลายในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยมากขึ้นไม่จำกัดเฉพาะ คอนโดมิเนียม โดยจะเริ่มเห็นทาวน์เฮ้าส์ระดับราคา 3-5 ล้านบท เป็นโครงการแรกดำเนินการภายใต้บริษัทลูก คือพรสันติ รวมถึงการขยายโครงการสู่ต่างจังหวัด เช่น ที่พัทยา โดยบริษัทมีแบรนด์แอล.พี.เอ็น.เป็นต้นทุนอยู่แล้ว โดยขณะนี้บริษัทมีลิสต์ลูกค้าบอกต่อปากต่อปากประมาณ 150,000 ราย จากลิสต์รายชื่อผู้ที่แวะเวียนเข้ามาเยี่ยมชมไซซ์ของโครงการแอล.พี.เอ็น.จำนวน 600,000-700,000 ราย
ส่วนแผนของปีหน้า บริษัทมีแผนพัฒนาโครงการใหม่ประมาณ 10 โครงการ โดยใช้งบซื้อที่ดิน 2,000 ล้านบาท และล่าสุดมีการอนุมัติงบจากบอร์ดเพื่อซื้อที่ 1,000 ล้านบาทซึ่งอยู่ระหว่างเจรจาซื้อที่ดิน 3 แปลงรองรับกับแผนขึ้นโครงการใหม่ในช่วงไตรมาส 1/2554