ภาพรวมตลาดคอนโดฯใน กทม. ปี 2562 "ซีบีอาร์อี" ชี้หลายโครงการต่างชะลอการเปิดตัวโครงการใหม่

เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2562 ที่ผ่านมา “ซีบีอาร์อี” บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์  สรุปภาพรวมตลาดคอนโดฯใน กทม. ปี 2562 ว่าด้วยหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็นการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว หนี้ครัวเรือนที่สูง และปริมาณที่พักอาศัยที่เพิ่มขึ้น ทำให้ปี 2562 ถือว่าเป็นปีที่มีความท้าทายอย่างยิ่งสำหรับตลาดที่พักอาศัยในกรุงเทพมหานคร 

ผู้พัฒนาโครงการต่างชะลอการเปิดตัวโครงการใหม่เนื่องจากความเชื่อมั่นในตลาดที่ลดลง นอกจากนี้ ยอดขายลูกค้าต่างชาติก็ได้รับผลกระทบจากการที่เงินบาทแข็งค่าและการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว โดยเฉพาะยอดขายจากผู้ซื้อชาวจีน

 

ความต้องการที่พักอาศัยจากผู้ซื้อในประเทศที่ลดลง ส่งผลให้ผู้พัฒนาโครงการต้องขยับวันเปิดตัวโครงการใหม่ออกไป ปรับเปลี่ยนรูปแบบสินค้า และเลื่อนการซื้อที่ดินเพื่อการพัฒนาโครงการ แม้ว่าจะเริ่มต้นปีได้ดีแต่ตลาดยังคงชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัดนับตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2562  ในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้แผนกวิจัย ซีบีอาร์อีพบว่ามีการเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ย่านใจกลางเมืองในระดับที่ต่ำที่สุดหากเปรียบเทียบกับไตรมาส 3 ปีอื่นๆ นับตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา โดยในไตรมาส 3 ปีนี้มีการเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่เพียง 1,268 ยูนิต ขณะในไตรมาส 3 ปีที่แล้วมีการเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่จำนวน 7,147 ยูนิต

ในขณะที่ ซีบีอาร์อี เชื่อว่าราคาขายเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ จะไม่ลดลงเพราะต้นทุนที่ดินยังอยู่ในระดับสูง แต่ราคาขายเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน ทั้งนี้ราคาขายเฉลี่ยคอนโดมิเนียมในย่านใจกลางกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้นเพียง 0.9% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยอยู่ที่ 279,740 บาทต่อตารางเมตร  ณ ไตรมาส 3 ปี 2562 ด้านราคาขายเฉลี่ยคอนโดมิเนียมในย่านรอบนอกใจกลางเมืองหรือมิดทาวน์เพิ่มขึ้นเพียง 0.05% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาเป็น 99,943 บาทต่อตารางเมตร อีกหนึ่งประเด็นที่สำคัญสำหรับตลาดในปี 2563 คือความสามารถในการซื้อ เนื่องจากผู้คนมีอำนาจในการใช้จ่ายน้อยลงจากหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นและภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว

นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ  ซีบีอาร์อี ประเทศไทย ให้ความเห็นว่า ด้วยความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นในตลาดที่พักอาศัย ผู้พัฒนาโครงการจำเป็นต้องลดและกระจายความเสี่ยงในการลงทุน รวมทั้งเพิ่มช่องทางในการสร้างรายได้ที่หลากหลายมากขึ้นผู้พัฒนาโครงการหลายรายเริ่มพิจารณาอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างรายได้ประจำหรืออสังหาริมทรัพย์ประเภทมิกซ์ยูส โดยเฉพาะบนแปลงที่ดินขนาดใหญ่ เพื่อทำให้โครงการมีความน่าสนใจยิ่งขึ้นจากการใช้ประโยชน์ที่มีความหลากหลายภายในพื้นที่โครงการเดียวกัน   นอกจากนี้แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เช่น หัวหิน พัทยา ภูเก็ต และกระบี่ ได้สร้างโอกาสให้กับนักพัฒนาเนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานของไทยกำลังขยายตัวอย่างมากและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวยังคงแข็งแกร่งอยู่

 

ปัจจุบันรัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกมาตรการต่างๆ ในปีนี้เพื่อกระตุ้นตลาดที่พักอาศัย อาทิ มาตรการกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยหรือ LTV ที่เข้มงวดมากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตลาดเต็มไปด้วยนักเก็งกำไร ที่ทำให้ความต้องการจากผู้ซื้อในประเทศลดลง เนื่องจากการขอสินเชื่อทำได้ยากขึ้น นอกจากนี้ค่าธรรมเนียมการโอนและค่าธรรมเนียมการจดจำนองได้ถูกปรับลดลงเหลือ 0.01% จาก 2% และ 1% ตามลำดับ สำหรับอสังหาริมทรัพย์ที่มีราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท

ด้านอัตราดอกเบี้ย นโยบายที่มีการปรับลดสองครั้งในปีนี้จาก 1.75% เหลือ 1.25% เพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย เป็นอัตราที่ใกล้เคียงกับช่วงวิกฤตการเงินโลก อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจชะลอตัวและอำนาจการใช้จ่ายมีจำกัด ซีบีอาร์อี เชื่อว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์

ส่วนการที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ช่วงต้นปี ส่งผลให้อสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ มีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ซื้อชาวต่างชาติที่ต้องการลงทุน    โดย ณ ไตรมาส 3 ปี 2562 เงินบาทแข็งค่าขึ้น 9.5% เมื่อเทียบกับเงินหยวน และแข็งค่าขึ้น 6.1% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐหากเทียบกับปีที่แล้ว

 

 

วันที่ 24 ธันวาคม 2562

ความคิดเห็น