กทม.ได้อันดับ1ของโลก ด้านรถติด

กรุงเทพฯ ติดอันดับ 1 จราจรติดขัดมากสุดในโลก

เว็บไซต์ BBC รายงาน 10 อันดับ เมืองที่รถติดที่สุดในโลก ผ่านการโหวตจากผู้อ่านทั่วโลก ปรากฏว่า กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่รถติดที่สุดในโลก BBC ระบุว่า ปัญหาการจราจรติดขัดเริ่มเข้าสู่ภาวะวิกฤตหลังจากนโยบายคืนภาษีรถคันแรกของรัฐบาล ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการมีรถยนต์เป็นของตนเอง เป็นผลให้มีรถยนต์แล่นบนท้องถนนกว่า 5 ล้านคัน ทั้งที่พื้นที่ของถนนรองรับรถยนต์ได้เพียง 2 ล้านคันเท่านั้น สำหรับ 10 อันดับเมืองที่รถติดที่สุด ตามผลสำรวจของ BBC มีดังนี้

1. กรุงเทพฯ ประเทศไทย
2. กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย
3. ไนโรบี้ ประเทศเคนย่า
4. กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์
5. เมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย
6. เมืองกัมปาลา ประเทศยูกันดา
7. เมืองเล็กซิงตัน รัฐเคนตักกี้ สหรัฐฯ
8. เมืองออสติน รัฐเท็กซัส สหรัฐฯ
9. กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้
10. เมืองดาก้า ประเทศบังกลาเทศ

วันที่ 13 ตุลาคม พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รอง ผบช.น. ดูแลงานจราจร เปิดเผยถึงมาตรการแก้ปัญหารถติดในพื้นที่กรุงเทพฯว่า บช.น.จะขอความร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อแก้ไขปัญหาความน่าอายด้านการจราจร สืบเนื่องจากสำนักข่าวบีบีซี ของอังกฤษ ได้สำรวจ 10 ยอดอันดับรถติดที่สุดในโลกและระบุว่า “กทม.รถติดเป็นอันดับหนึ่ง” จึงควรต้องแก้ไขปัญหาเร่งด่วน ดังนั้น การแก้ไขปัญหาการจราจรใน กทม.จึงเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนจะต้องลงมาร่วมกันแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง และต่อเนื่อง เพื่อลบสถิติน่าอายออกไปจากประเทศไทย

พล.ต.ต.อดุลย์กล่าวอีกว่า ในส่วนของงานจราจร บช.น.ได้เริ่มต้นดีเดย์แล้ว เริ่มจาก 16 โครงการเร่งด่วน โดยเริ่มที่การบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นและเด็ดขาด รวมถึงจะประสานความร่วมมือจากทุกภาคส่วนมาร่วมกันโดยเข้าไปแก้ไขปัญหาในถนน 10 สาย ได้แก่ ถนนลาดพร้าว ถนนพระราม 4 ถนนสุขุมวิท ถนนรัชชาภิเษก ถนนรามคำแหง ถนนพหลโยธิน ถนนสาทรเหนือ-ใต้ ถนนราชดำเนินกลางต่อเนื่องบรมราชชนนี ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ และถนนวิภาวดีต่อเกษตรนวมินทร์ จะเริ่มดำเนินการในวันที่ 21 ตุลาคม เน้นจับจริง แก้ไขจริง และได้ประกาศให้ปี 2557 เป็นปีแห่งการบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด

นอกจากนี้จะจัดระบบการเปรียบเทียบปรับอิเล็กทรอนิกส์รองรับการทำงานการบังคับใช้กฎหมายเข้มข้นอีกด้วย น่าจะช่วยแก้ไขปัญหาการจราจรได้ 10 เปอร์เซ็นต์ ในระยะที่ 1 ดังกล่าวข้างต้น ระยะที่ 2 จะใช้รองรับระบบการบังคับใช้กฎหมายให้สมบูรณ์คือ ศาลจราจร / การจัดระบบการเหลื่อมเวลา การใช้รถในถนน จะต้องนำเสนอรัฐบาลโดยด่วน จะสามารถแก้ไขปัญหาการจราจรได้ 15 เปอร์เซ็นต์ ระยะที่ 3 ปัญหาที่จะแก้ได้อย่างเบ็ดเสร็จคือ ต้องผลักดันเสนอรัฐในการจัดระบบขนส่งมวลชนไฟฟ้าหรือใต้ดิน ให้เต็มระบบโดยเร็ว รวมทั้งจะต้องจัดการปรับพฤติกรรมหันมาใช้รถของขนส่งมวลชน และจัดระบบที่จอดรถเอกชนเข้ามาช่วยจะแก้ไขปัญหาได้ในระยะยาว จะแก้ปัญหาจราจรได้ 80-100 เปอร์เซ็นต์

ที่มา มติชน
วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ความคิดเห็น