ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ชี้เทรนด์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ต้องพร้อมรับมือในปี 2024
ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ชี้เทรนด์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป คลื่นความท้าทายลูกใหม่ที่ธุรกิจอสังหาฯ ต้องพร้อมรับมือในปี 2024
ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ เผยปี 2024 ธุรกิจอสังหาฯ ต้องเตรียมพร้อมรับมือผู้บริโภคยุค “ประหยัดอย่างชาญฉลาด” ควักกระเป๋าต้องคุ้มค่า ทั้งยังให้ความสำคัญและใส่ใจกับภาพรวมความเป็นอยู่ที่ดีต่อสุขภาพและจิตใจในสไตล์คนรุ่นใหม่รักษ์โลก
นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ภายใต้คอนเซ็ปต์ “บ้านที่ปลูกบนความตั้งใจที่ดี” เปิดเผยว่า แม้โลกจะก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แต่การสำรวจเทรนด์ผู้บริโภคในปี 2024 กลับพบว่า ท่ามกลางความรวดเร็วนั้น การตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคกลับใช้เวลาเพิ่มขึ้นเพื่อวิเคราะห์ว่า “ตัวเลือกใดเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุด” ซึ่งความคุ้มค่านั้นต้องสามารถตอบสนองได้ทั้งคุณภาพ ราคา และมอบประสบการณ์ที่แปลกใหม่ สิ่งสำคัญต้องใช้ประโยชน์ได้ยาวนานกว่าเก่า ซึ่งสอดคล้องกับเทรนด์การตลาดในปี 2024 ที่แบรนด์ระดับแถวหน้าต่างให้ความสำคัญกับ 3 ปัจจัยหลัก คือ “ผู้บริโภค (Consumer)”, “ฐานข้อมูล (Data)” และ “กระแสความยั่งยืน (Sustainability)” เพราะเป็น 3 กุญแจสำคัญที่จะไขประตูสู่ความสำเร็จได้ด้วยการนำข้อมูลต่างๆ มาพัฒนากลยุทธ์ให้เข้าถึงและเข้าใจผู้บริโภคแต่ละกลุ่มได้ดียิ่งขึ้น
“เราพบว่าในปี 2024 เทรนด์ของผู้บริโภคจะเริ่มเปลี่ยนเข้าสู่ยุคประหยัดอย่างชาญฉลาดโดยเฉพาะกลุ่มตลาดบ้าน real demand” นายชูรัชฏ์ กล่าว “ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ค่อนข้างเน้นตลาดในกลุ่ม real demand มาโดยตลอด ดังนั้นการทำความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับเทรนด์ผู้บริโภค จึงเป็นเรื่องสำคัญที่มองข้ามไม่ได้ ที่ผ่านมาเราเตรียมพร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงของกระแสนิยมผู้บริโภคมาโดยตลอด ในปีหน้าก็เช่นกัน เราสรุปเทรนด์ของผู้บริโภคในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้ 4 ประเด็นหลักๆ ได้แก่ 1.ให้ความสำคัญต่อประสบการณ์ใหม่ 2. ให้ความสำคัญกับสุขภาพกายและใจเป็นหลัก 3. ให้ความสำคัญต่อการสร้างชีวิตที่สมดุลกว่าเดิม และ 4. ให้ความสำคัญต่อการแสวงหาและเพิ่มคุณค่าสูงสุดอย่างสมเหตุสมผล”
“เทรนด์แรก การส่งมอบประสบการณ์ใหม่สู่มือผู้บริโภค ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้ประกอบการต้องใส่ใจ จะเห็นได้ทั้งกรณีที่แบรนด์เป็นผู้พัฒนาประสบการณ์นั้นขึ้นเอง หรือเป็นการจับมือร่วมกับแบรนด์อื่นๆ เพื่อมอบประสบการณ์และสิทธิพิเศษใหม่ๆ ก็ยังเป็นแนวทางที่ผู้บริโภคตอบรับ นอกจากนี้ การใช้เครื่องมือในการจับกระแสโซเชียลเพื่อคอยอัปเดตเทรนด์ที่กำลังมา และหยิบสิ่งเหล่านั้นมานำเสนอเป็นสินค้าและบริการที่อินเทรนด์ก็เป็นอีกโอกาสทางการตลาดที่ไม่ควรมองข้าม เทรนด์ที่ 2 การพัฒนาสุขภาพกายและใจไปพร้อมๆ กัน ปฏิเสธไม่ได้ว่าการให้ความสำคัญต่อสุขภาพกายและใจเป็นอีกหนึ่งกระแสนิยมที่ชัดเจนขึ้นมากหลังเกิดสถานการณ์โควิด-19 ดังนั้นคำว่า บ้านสุขภาพ จึงต้องเกิดขึ้นได้จริงอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อดูดซับกำลังซื้อในกลุ่มนี้ที่มักคัดสรรสิ่งที่ดีที่สุดต่อทั้งใจและกาย แสวงหาผลิตภัณฑ์และบริการที่สามารถสะท้อนการอยู่กับปัจจุบันได้อย่างดี ท่ามกลางธรรมชาติที่สัมผัสได้เต็มที่ เทรนด์ที่ 3 การสร้างชีวิตที่สมดุลกว่าเดิม ปัจจุบันคนในสังคมส่วนใหญ่จะทุ่มเทเวลาไปกับงาน ทำให้เกิดการขาดสมดุลในการใช้ชีวิต และเมื่อถึงขีดสุดที่ชีวิตจะรับได้คนส่วนใหญ่จะหยุดนิ่งและหันกลับมามองและหาวิถีสร้างสมดุลชีวิตให้เกิดขึ้น ปฏิเสธไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบและขับเคลื่อนด้วยเงินเพียงอย่างเดียว หลายคนเริ่มมองหาความสุขจากสิ่งพื้นฐานและการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ยืดหยุ่นกับตัวเองได้มากขึ้น ดังนั้นการมองหาที่อยู่อาศัยก็ต้องยืดหยุ่นกับทุกโมเมนต์การใช้ชีวิตได้ด้วยเช่นกัน และเทรนด์สุดท้าย การแสวงหาและเพิ่มคุณค่าสูงสุดอย่างสมเหตุสมผล เทรนด์นี้จะชัดเจนมากในกลุ่มผู้บริโภคเจนใหม่ๆ ที่การตัดสินใจแต่ละครั้งจะอยู่บนความรอบคอบและชาญฉลาดเสมอ สิ่งที่คนกลุ่มนี้มองหาคือ การเพิ่มคุณค่าสูงสุดอย่างสมเหตุสมผลระหว่างคุณภาพและราคา รวมไปถึงการออกแบบฟังก์ชันภายในบ้านที่สามารถรองรับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายนับเป็นปัจจัยหลักที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อบ้านในกลุ่มคนรุ่นใหม่” นายชูรัชฏ์ กล่าวเสริม
ทั้งนี้ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ถือเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่นำเทรนด์ผู้บริโภคมาพัฒนาใช้ในแผนธุรกิจอยู่เสมอ อาทิ การนำเสนอแบบบ้านที่ฉีกตลาดกับแนว French Colonial Style การพัฒนาฟังก์ชันภายในบ้านให้เป็นได้มากกว่าบ้าน สามารถยืดหยุ่นได้ตามไลฟ์สไตล์ผู้อยู่อาศัย รวมถึงการกำหนดนิยามคำว่าคุ้มค่าคุ้มราคาให้เกิดขึ้นจริงด้วยการพัฒนาตลาดบ้าน real demand ในทำเลบ้านระดับไฮเอนด์ที่ทำให้โครงการของ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ได้รับการตอบรับจากตลาดแบบดีเกินคาด