การกลับมาของ "หิน" วัสดุที่แข็งแกร่งสวยงามมีเอกลักษณ์ กับการออกแบบยุคใหม่
หินนั้นถือว่าเป็นวัสดุที่แข็งแรง และสวยงามมีเอกลักษณ์ ที่มีอายุมานานนับหลายล้านปี ในปัจจุบันได้มีการนำหินกลับมาเป็นแฟชั่นวัสดุแต่งบ้านอีกครั้ง ซึ่งนักออกแบบและสถาปนิกหลายท่านได้มีการค้นพบคุณสมบัติที่น่าสนใจของหินอีกครั้ง ไม่ว่านำมาสร้างโต๊ะอาหาร หรือนำมาสร้างโครงสร้างอาคารทั้งหมด
ซึ่งปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากหินค่อนข้างน้อย โดยมีการพิสูจน์แล้วว่าโครงสร้างที่ทำมาจากหินทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนลดลง เมื่อเทียบกับโครงสร้างที่ทำจากเหล็กหรือคอนกรีต
หินได้รับความนิยมในฐานะวัสดุก่อสร้างจนกระทั่งถึงศตวรรษที่ 20 แต่หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองคอนกรีตเหล็กและแก้วก็เข้ามา ทำให้การนำหินมาเป็นวัสดุก่อสร้างลดลง แต่ด้วยความสวยงามแบบคลาสสิกของหิน ทำให้หินกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งจนถึงปัจจุบัน โดยนำมาเป็นวัสดุก่อสร้าง สไตล์โมเดิร์น เช่น สำนักงานการท่องเที่ยวในเมือง Plainfaing ของฝรั่งเศสที่สร้างขึ้นด้วยหินทั้งหมด
ภาพสถาปัตยกรรมของหินกำลังได้รับการส่งเสริมด้วยเทคโนโลยีซอฟต์แวร์ใหม่ๆ ด้านนวัตกรรมในการผลิตและความเข้าใจที่มากขึ้นเกี่ยวกับการทำเหมืองหิน ซึ่งการพัฒนาเหล่านี้เป็นการเพิ่มสีสันให้กับผลิตภัณฑ์หรือโครงสร้างภายในอาคารได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสระว่ายน้ำด้วยหิน หรือแม้แต่ลิฟต์โดยสารก็นำหินมาเป็นวัสดุในการสร้าง ซึ่งการออกแบบนี้สามารถสร้างความคลาสสิคให้กับบ้านและอาคารได้อย่างลงตัว
นอกจากนี้จากความก้าวหน้าของนวัตกรรม ได้มีนักออกแบบนำหินลาวิไคต์มาทำเป็นโคมไฟ ของตกแต่งบ้านอีกมากมายที่เหล่าสถาปนิกและนักออกแบบทั้งหลายพยายามผลักดันความงดงามของหินให้ผสมผสานกับเทคโนโลยีสมัยใหม่
รวมไปถึงของใช้ในชีวิตประจำวันอย่าง Rocks ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อรักษาความเย็นของเครื่องดื่มทำจากหิน โดยแกะสลักเป็นรูปทรงเรขาคณิต ซึ่งมีคุณสมบัติไม่มีรูพรุนไม่มีกลิ่นและรสจืด อีกทั้งหินแต่ละก้อนจะรักษาอุณหภูมิไว้เป็นเวลานาน ช่วยให้มั่นใจได้ว่าเราจะได้ดื่มเครื่องดื่มที่ไม่เจือจางเหมือนก้อนน้ำแข็ง
สรุปได้ว่าการกลับมาของหินในยุคนี้ สามารถสร้างความสวยงามมีเอกลักษณ์ให้กับสิ่งก่อสร้างและของใช้ของตกแต่งได้มากเลยทีเดียว เรียกได้ว่าเหมือนเป็นการกลับมาของยุคหินใหม่เลยก็ว่าได้ และเชื่อว่าการผลักดันการออกแบบด้วยหินจะยังคงมีต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด ทั้งในด้านสถาปัตยกรรม และการออกแบบผลิตภัณฑ์ต่างๆ
ที่มา : bbc.com