เอพี ไทยแลนด์ รุกธุรกิจอสังหาฯ ปี 62 บุกทุกเซ็กเมนต์
บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ประกาศโตสวนกระแสกว่า 30% ด้วยสถิติการรับรู้รายได้ (รวม 100%JV) ปี 61 สูงเป็นประวัติการณ์กว่า 38,020 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าประกาศแผนธุรกิจอสังหาฯ ปี 62 มุ่งสู่เป้ายอดขายที่ 41,800 ล้านบาท และเป้ารายได้รวมที่ 35,900 ล้านบาท (รวม 100%JV) ด้วยการรุกตลาดเปิดขายอสังหาริมทรัพย์ครบทั้ง 9 แบรนด์ในพอร์ทโฟลิโอ รวม 39 โครงการ มูลค่ารวม 56,800 ล้านบาท
กลยุทธ์ในการดำเนินงาน 4 มิติสู่ความสำเร็จของเอพี (ไทยแลนด์) ในปี 2562 ได้แก่
1. เปิดตัวโครงการครบ 9 แบรนด์ ในทุกเซ็กเมนต์ ตอกย้ำความเป็นผู้พัฒนาอสังหาฯ ที่มีสินค้าครอบคลุม ทุกความต้องการของผู้อยู่อาศัย โดยในปีนี้เอพีเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งหมด 39 โครงการ มูลค่ารวม 56,800 ล้านบาท เป็นคอนโด 5 โครงการ มูลค่า 22,400 ล้านบาท (เป็นคอนโดร่วมทุน 3 โครงการ มูลค่า 18,300 ล้านบาท) และแนวราบ 34 โครงการ มูลค่ารวม 34,400 ล้านบาท (แบ่งเป็นทาวน์โฮม 19 โครงการ มูลค่า 16,780 ล้านบาท และบ้านเดี่ยว 15 โครงการ มูลค่า 17,620 ล้านบาท)
2. สร้างความแตกต่างด้วยสินค้าที่ตอบความต้องการของคนทุกช่วงชีวิต ด้วยเล็งเห็นถึงรูปแบบครอบครัว (Family Pattern) ที่มีความหลากหลาย และต่างไปจากเดิม เอพีจึงออกแบบและจัดวางพื้นที่ในตัวบ้าน และพื้นที่ส่วนกลางให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของครอบครัวคนรุ่นใหม่ รองรับการอยู่อาศัยของคนหลากหลายรุ่น ผ่าน 3 แนวคิดสำคัญในการออกแบบ ได้แก่ (1) SPACE TRANSFORMATION – ออกแบบให้พื้นที่ในทุกๆ ตารางนิ้วสอดคล้องกับการใช้งานจริงทั้งในวันนี้และในอนาคต (2) HUMAN CONNECTION – สร้างสรรค์ระบบนิเวศที่ช่วยให้ผู้อยู่อาศัยทุกวัยเชื่อมต่อกันได้ในสังคมของเอพี และสังคมรอบข้างอย่างมีคุณภาพ และ (3) LIFE-LONG COMMUNITY – การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ช่วยยกระดับให้โครงการของเอพีมีระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ช่วยลดการใช้ทรัพยากรที่มีอย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด และอำนวยความสะดวกเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตในการอยู่อาศัยของลูกบ้านในเครือ ได้อย่างยั่งยืน
3. ผสานกลุ่มมิตซูบิชิ เอสเตท ยกระดับคุณภาพคอนโดมิเนียมในเครือเอพีอย่างต่อเนื่อง ด้วย ‘AI BIM’ (Artificial Intelligence Building Information Modeling) เทคโนโลยีการออกแบบงานก่อสร้างอาคารสูงอัจฉริยะ 7 มิติ ที่จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในทุกกระบวนการทำงาน และมีจุดเด่นในด้านการบริหารสิ่งอำนวยความสะดวกในที่พักอาศัย (Facility Management) หลังจากส่งมอบโครงการ โดยในปี 2562 นี้ เอพีได้นำเทคโนโลยี ‘AI BIM’ มาใช้แบบครบวงจรในการพัฒนาคอนโดฯ แบบ High-Rise ทุกโครงการ
4. ต่อยอดความแข็งแกร่งของ BC และ SMART ช่วยให้เอพีก้าวไปสู่การเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เพื่อการอยู่อาศัยอย่างครบวงจร (Total Solution Community Developer) โดยในปีนี้ ‘บีซี’ (BC) ซึ่งเป็นบริษัท Property Agent อันดับ 1 ของไทย พร้อมรุกต่อในตลาดที่เป็นเมืองรองในต่างประเทศ อาทิ คุนหมิง หนานจิง ซีอานในจีน และโอซาก้า ฟุกุโอกะในญี่ปุ่น หลังประสบความสำเร็จในเมืองหลัก เช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ และอีกหลายเมืองในประเทศจีน และญี่ปุ่นมาแล้ว นอกจากนี้ ‘สมาร์ท’ (SMART) บริษัท Property Management เตรียมเปิดตัว SMART PLATFORM ที่จะช่วยยกระดับมาตรฐานคุณภาพชีวิตและประสบการณ์การอยู่อาศัยของกว่า 55,000 ครัวเรือน ในกว่า 200 โครงการ ที่ไม่ใช่เฉพาะในเครือของเอพี ภายในไตรมาส 3
นายวิทการ เปิดเผยแผนการพัฒนาคอนโดมิเนียมปี 2562 ว่า “เอพีมุ่งเน้นตอบสนองความต้องการของลูกค้าคนเมืองที่มองหาคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ ในราคาที่คุ้มค่าจับต้องได้ในทุกเซ็กเมนต์ โดยในปีนี้ เอพีเตรียมเปิดตัว 5 คอนโดมิเนียมใหม่ รวมมูลค่า 22,400 ล้านบาท ภายใต้ 4 แบรนด์ในเครือ ได้แก่ ASPIRE ใน 2 ทำเล ได้แก่ สุขุมวิท – อ่อนนุช และอโศก – รัชดา ที่เน้นเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่/คนทำงาน โดยมีโครงการร่วมทุนระหว่าง เอพีและมิตซูบิชิ เอสเตท เรสซิเดนซ์ (บริษัท ในเครือมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป – MECG) รวมทั้งสิ้น 3 โครงการ มูลค่า 18,300 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ THE ADDRESS, RHYTHM, และ LIFE”
ด้านแผนพัฒนาโครงการแนวราบ นายภมร ประเสริฐสรรค์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจแนวราบ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในปี 2561 ที่ผ่านมา สินค้าแนวราบของเอพี ได้รับการตอบรับที่ดีเป็นประวัติการณ์ โดยเฉพาะสินค้าบ้านเดี่ยวของเรามีรายได้เติบโตขึ้นถึง 80% ในขณะเดียวกันสินค้าทาวน์โฮมแบรนด์ บ้านกลางเมือง ยังคงรักษาความเป็นเบอร์ 1 ไฮเอนด์ทาวน์โฮมในเมือง ที่สร้างมูลค่ายอดขายอันดับที่ 1 นั่นเป็นเพราะผลลัพธ์จากกระบวนการทำ Design Thinking อย่างต่อเนื่องตลอด 2-3 ปี เพื่อหาคำตอบที่แท้จริงของจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญว่า อะไรคือคุณภาพชีวิตที่คนไทยต้องการ โดยเราพบว่าที่อยู่อาศัยที่มีพื้นที่กว้างขวางเกินไป และไม่ได้ใช้ประโยชน์อย่างแท้จริง ทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกเปล่าประโยชน์ และไม่คุ้มค่า ฉะนั้น ‘ที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่’ อาจไม่ตอบโจทย์คุณภาพชีวิตที่คนไทยต้องการในทุกโลเคชั่น เราจึงมุ่งเน้นพัฒนาให้บ้านเดี่ยว และทาวน์โฮมทุกแบรนด์ในเครือเอพีมีแบบบ้านโมเดลใหม่ที่หลากหลาย รวมถึงการนำเสนอสเปซฟังก์ชั่นที่เอื้ออำนวยความสะดวกให้สามารถยืดหยุ่นต่อการใช้งานในวันนี้ และในอนาคต สามารถอยู่ได้อย่างยาวนาน”
“และในส่วนของการเสริมแกร่งสินค้าบ้านเดี่ยวทุกแบรนด์ในเครือเอพี อาทิ THE PALAZZO, THE CITY และ CENTRO ตอกย้ำการเป็นตัวเลือกอันดับ 1 ในใจผู้บริโภค นอกจากการนำเสนอนวัตกรรมสเปซที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยในทุกความต้องการของทุกช่วงชีวิตแล้ว ในปีนี้เราได้นำร่องยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน (Infrasturcture) ในพื้นที่ส่วนกลาง โดยการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ ภายใต้คีย์สำคัญ คือ เน้นประโยชน์ ที่แท้จริงและการคืนกลับที่ยั่งยืนในการใช้ชีวิตของลูกบ้าน อาทิ เทคโนโลยี Solar Cell การผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์ใช้ในพื้นที่ส่วนกลาง และ Water Recycle System ระบบบำบัดน้ำเสียเพื่อนำกลับมาใช้ในพื้นที่สวนของโครงการ เป็นต้น หรือการนำร่องใช้เทคโนโลยีการก่อสร้างใหม่ๆ เพื่อยกระดับคุณภาพของโครงการของเรา” นายภมร กล่าวเสริม
“ในปี 2562 นี้ เอพีพร้อมรุกตลาดแนวราบในทุกทำเล ภายใต้พันธกิจสำคัญในการส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดให้กับลูกบ้านเอพีอย่างแท้จริง ด้วยแผนการพัฒนาโครงการใหม่ถึง 34 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 34,400 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว 15 โครงการ มูลค่า 17,620 ล้านบาท ทาวน์โฮม 19 โครงการ มูลค่า 16,780 ล้านบาท
ซึ่งการรุกตลาดแนวราบนั้นจะขยายทำเลให้ครอบคลุมทุกทำเล เช่น ย่านดอนเมือง วัชรพล พหลโยธิน สวนหลวง ราชพฤกษ์ บางใหญ่ สวนผัก อ่อนนุช พระราม 2 สายไหม เป็นต้น บนทำเลที่ติดถนนใหญ่และเป็น Multiple Connect ที่เชื่อมต่อทางลัด ทางด่วน หรือระบบขนส่งขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยด้วยการลดเวลาที่ใช้ไปกับการเดินทาง” นายภมร กล่าวสรุป
สรุปแผนการดำเนินงานธุรกิจอสังหาฯ ในปี 2562 เอพี เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 39 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 56,800 ล้านบาท แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม 5 โครงการ มูลค่า 22,400 ล้านบาท แนวราบ 34 โครงการ มูลค่า 34,400 ล้านบาท ตั้งเป้าหมายยอดขาย 41,800 ล้านบาท และเป้าหมายรายได้รวม 35,900 ล้านบาท (100%JV) ในครึ่งปีแรกเอพีเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ 21 โครงการ มูลค่า 30,440 ล้านบาท แนวราบ 17 โครงการ ประกอบด้วยบ้านเดี่ยว 6 โครงการ และทาวน์โฮม 11 โครงการ มูลค่ารวม 16,840 ล้านบาท และ 4 คอนโดมิเนียมใหม่ ได้แก่ ASPIRE สุขุมวิท – อ่อนนุช มูลค่า 1,600 ล้านบาท ASPIRE อโศก – รัชดา มูลค่า 2,500 ล้านบาท RHYTHM เอกมัย เอสเตท มูลค่า 3,200 ล้านบาท (โครงการร่วมทุน) และ LIFE สาทร Sierra มูลค่าโครงการ 6,300 ล้านบาท (โครงการร่วมทุน)
ที่มา เอพี (ไทยแลนด์)
วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2562