อัปเดตแลนด์มาร์กใหม่ ริมแม่น้ำเจ้าพระยากว่า 10 กิโลฯ ทำเลทองที่ดึงดูดใจทั้งนักลงทุนและนักท่องเที่ยว

 

ล่าสุดตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในเมืองไทยสูงถึง 28.8 ล้านคน เป็นนักท่องเที่ยวจีนถึง 8.2 ล้านคนและแลนด์มาร์กค้าปลีกริมแม่น้ำเจ้าพระยากลายเป็น 1 ในจุดหมายที่นักท่องเที่ยวอยากมามากที่สุด โดยเฉพาะตลอดเส้นริมแม่น้ำเจ้าพระยาระยะทางยาว 10 กิโลเมตร ที่ผู้ประกอบการและภาครัฐต่างผลักดันให้เป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่สำคัญของโลก (New Global Destination)

 

รวมไปถึงสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์กว่า 20 แห่ง โรงแรมระดับ 3-5 ดาวกว่า 50 แห่ง รวมถึงโครงการที่พักอาศัยริมน้ำและฝั่งธนบุรีที่มีอยู่แล้วในปัจจุบันมีมากกว่า 200 โครงการ ล่าสุดก็ยังเห็นภาพการลงทุนของศูนย์การค้าและคอมมิวนิวตี้มอลล์เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้ง ICONSIAM, Asiatique, ล้ง 1919 และ Warehouse 30

 

 

ICONSIAM แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา มูลค่าการลงทุนกว่า 5.4 หมื่นล้านของสยามพิวรรธน์และกลุ่มซีพี พร้อมที่จะอวดโฉมตุลาคม 2561 บนพื้นที่กว่า 7 แสน ตร.ม. รวบรวมร้านค้าหรูแบรนด์ระดับโลกที่เข้ามาเปิดในรูปแบบ Global Iconic Store, ไอคอนสยาม เฮอริเทจ มิวเซียม (ICONSIAM Heritage Museum) พิพิธภัณฑ์ขนาด 8,000 ตร.ม. พร้อมทั้งมีนิทรรศการเคลื่อนที่ (Touring Exhibitions) เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก การเดินทางสะดวกสบายด้วยระบบขนส่งรถไฟฟ้าสายสีทองและสร้างท่าเทียบเรือ 4 ท่า เพื่อดึงลูกค้าเฉลี่ย 1.5 แสนคนต่อวัน

 

 

 

ด้าน Asiatique วางกลยุทธ์รุกตลาดนักท่องเที่ยวอย่างหนัก โดยโฟกัสที่ตลาดนักท่องเที่ยวจีน ที่ผ่านมาจากการเก็บตัวเลขที่เข้ามาเอเชียทีคเฉลี่ยอายุระหว่าง 27-42 ปี และเป็นกลุ่มที่มีการใช้จ่ายจริง เป็นสัดส่วนลูกค้าคนไทย 40% และต่างชาติ 60% นำโด่งด้วย 5 กลุ่มทัวริสต์หลัก คือ ไต้หวัน จีน เกาหลี ฮ่องกง และอินโดนีเซีย และนักท่องเที่ยวจากยุโรปเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ

 

ทั้งนี้ เอเชียทีคได้ขยายท่าเรือและเพิ่มอีเวนต์เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยขยายท่าเรืออีก 3 ท่าจาก 1 ท่า และให้เป็นท่าเรือยาว 60 เมตร สำหรับรองรับเรือสำราญและเรือท่องเที่ยว Dinner Cruise

 

 

ล้ง 1919 ที่เที่ยวแห่งใหม่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาของกลุ่มตระกูลหวั่งหลี ออกแบบแนว heritage ย่านการค้าสมัยรัชกาลที่ 4 จากที่ดินริมน้ำแปลงงามริมเจ้าพระยาให้กลับมามาชีวิตอีกครั้ง โดยครอบคลุมพื้นที่สำหรับจัดงานอีเวนต์ งานเลี้ยงสังสรรค์, Co-working space ร้านอาหารและเครื่องดื่ม และที่สำคัญการเดินทางต้องสะดวก

 

 

Warehouse 30 การแปลงโฉมโกดังสุดฮิปริมน้ำแห่งใหม่ของ “ดวงฤทธิ์ บุนนาค” หลังจากปั้น The Jam Factory     คอมมิวนิตี้มอลล์ริมน้ำเจ้าพระยาที่ฮิตติดลมบนไปแล้ว โดยแวร์เฮาส์ 30 นี้ มีพื้นที่ขนาด 4,000 ตารางเมตร เพื่อเป็นแหล่งพบปะ แฮงก์เอาท์ ร้านอาหาร บาร์ และแหล่งช็อปปิ้ง

 

 

มยุรี ชัยพรหมประสิทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า ที่ผ่านมากลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของธุรกิจค้าปลีกและศูนย์การค้าให้เติบโตต่อเนื่อง สำหรับสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ ที่ผ่านมาก็มีทราฟฟิกจากกลุ่มนักท่องเที่ยว อาทิ เกาหลี จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย รวมกันกว่า 30% บริษัทจึงให้ความสำคัญกับลูกค้ากลุ่มนี้มากขึ้น

 

โดยหลัก ๆ จะเป็นการทำโปรแกรมซีอาร์เอ็มร่วมกับพันธมิตรค้าปลีกกว่า 10 รายในต่างประเทศ รวมถึงเดินทางไปจัดกิจกรรมโรดโชว์ที่เยอรมนี ดูไบ จีน ฯลฯ เพื่อสื่อสารสร้างการรับรู้กิจกรรมดังกล่าวสอดคล้องกับ “ศุภลักษณ์ อัมพุช” รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ระบุว่า กำลังซื้อจากนักท่องเที่ยวจะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

 

 

จากการขยายตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ท่ามกลางกำลังซื้อในประเทศที่ค่อยข้างนิ่งและทรงตัว ซึ่งกลุ่มเดอะมอลล์จะเดินหน้าพัฒนาโครงการค้าปลีกในแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ ทั้งบลูพอร์ต หัวหิน ที่เปิดให้บริการแล้ว หรือบลูเพิร์ล ภูเก็ต ที่มีแผนเปิดปลายปี 2561 หรือต้นปี 2562

 

แน่นอนว่าการแข่งขันทางธุรกิจ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา กำลังดุเดือดไปด้วยการลงทุนต่าง ๆ คาดว่าอีกไม่นานทั้งนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติจะแห่กันไปเปิดประสบการณ์ใหม่เต็มรูปแบบกับทำเลทองแห่งนี้อย่างแน่นอน แต่ถ้าใครไม่อยากรอ ทั้ง Asiatique, ล้ง 1919 และWarehouse 30 เปิดให้บริการแล้ว ไปเช็คอินกันได้เลย

 

 

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ

 

 

ความคิดเห็น